พระคเณศ หรือ พระพิฆเนศ ถูกยกให้เป็นเทพองค์สำคัญของศาสนาพราหมณ์-ฮินดู ที่ชาวไทยเรานับถือบูชากันเป็นจำนวนมาก กระทั่งได้มีการส่งต่อแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์งานศิลปะ ประติมากรรม นาฏศิลป์ ตลอดไปจนถึงอาร์ตทอยร่วมสมัย รวมทั้งที่เกี่ยวเกี่ยวกับพระคเณศ วันนี้เราเลยจะพาไปดูถึงความเป็นมา เรื่องเล่า ความเชื่อ และตำนานของพระคเณศ กันสักหน่อยครับ โดยส่วนหนึ่งเชื่อว่า พระคเณศ หรือ พระพิฆเนส นั้นเป็นเทพเจ้าผู้ขจัดอุปสรรค เป็นเทพแห่งความสำเร็จ และยังเป็นเจ้าแห่งศิลปะวิทยาการอีกด้วย
10 ข้อควรรู้เกี่ยวกับ พระพิฆเนศ
ข้อที่ 1. พระคเณศ :
ชื่อนี้มาจากคำว่า “คณปติ” มีความหมายว่า ผู้เป็นใหญ่ในหมู่คณะ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น พระคเณศ ยังเป็นเทพที่มีชื่อเรียกที่แตกต่างกันตามนิกายความเชื่อต่าง ๆ ออกไปมากถึง 108 พระนาม บางพระนามบ่งบอกถึงการกำเนิด บ้างบอกถึงรูปลักษณ์ และบุคลิกภาพของพระองค์ เช่น “เอกทันตะ” หรือ “เอกศฤงคะ” ซึ่งแปลว่า เจ้าผู้มีงาข้างเดียว
ข้อที่ 2. ลักษณะ :
แม้ พระคเณศ จะถูกออกแบบการสร้างให้มีลักษณะ ท่าทาง สรีระความอ้วน ผอม หรือมีปางที่ได้มีความแตกต่างกันออกไปตามจินตนาการของช่าง ศิลปิน รวมไปถึงความเชื่อ และยุคสมัย แต่ลักษณะเด่นที่มีร่วมกันอย่างหนึ่งของพระคเณศ ก็คือ เป็นเทพมีเศียรเป็นช้างตัวเป็นมนุษย์ และมีงาข้างเดียว
ข้อที่ 3. กำเนิด :
กำเนิดของพระคเณศนั้นมีหลายทฤษฎีความเชื่ออย่างมาก บ้างก็เชื่อว่ากำเนิดจากพระศิวะองค์เดียว บ้างว่ากำเนิดจากพระนางปารวตี (อุมา) องค์เดียว รวมทั้งเป็นบุตรของพระศิวะและพระนางปารวตีก็มี และบางตำนานก็กล่าวว่าพระคเณศเป็นภาคหนึ่งของพระกฤษณะ
ข้อที่ 4. ศาสนา :
หากลองเอ่ยถึงพระคเณศ คนส่วนใหญ่มักจะนึกถึงเทพของศาสนาพราหมณ์-ฮินดู แต่ทว่ามีการบันทึกเกี่ยวกับพระคเณศปรากฎอยู่ในศาสนาอื่นด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น ศาสนาเชน ที่นับถือพระคเณศในฐานะยักษะที่มีชื่อว่า ปารศวยักษะ รวมทั้งยังเป็นหนึ่งในเทพของศาสนาเชนที่มีปางแตกต่างกันออกไป รวมทั้งมีสัตว์พาหนะเป็นหนู ส่วนทางศาสนาพุทธมหายานนั้นนับถือพระคเณศในชื่อว่า วินายกะ รวมทั้งยังนับถือในฐานะทวารบาลก็มีครับ
ข้อที่ 5. ความเชื่อ :
เมื่อพระคเณศนั้นเป็นเทพแห่งอุปสรรคทั้งปวง ดังนั้นพระองค์จึงได้รับการนับถือและบูชาในฐานะเทพเจ้าผู้ขจัดอุปสรรค และในเมื่อไม่มีอุปสรรคใด ๆ ดังนั้นพระคเณศจึงถือเป็นเทพแห่งความสำเร็จอีกด้วย อีกทั้งยังได้รับการเคารพให้เป็นเทพเจ้าแห่งศิลปะวิทยาการร่วมด้วยครับ
ข้อที่ 6. ประสูติ :
วันที่ 4 เดือนภัทรบท (ตามจันทรคติ หรือราวสิงหาคม-กันยายน) ถือว่าเป็นวันประสูติของพระคเณศ
ข้อที่ 7. เทศกาลคเณศจตุรถี :
พูดง่าย ๆ ก็คือ เทศกาลเฉลิมฉลองวันประสูติของพระคเณศ โดยเชื่อกันว่าพระคเณศเสด็จลงมาประทานพรบนโลกมนุษย์ 10 วัน ซึ่งในช่วงนี้ทางศาสนสถานของพราหมณ์-ฮินดู ก็มักจะจัดเทศกาลเฉลิมฉลองและสักการะบูชาพระองค์อย่างยิ่งใหญ่ โดยแต่ละที่จะจัดแตกต่างกันออกไป บางที่จัดในวันแรกหรืออาจจัดติดต่อกัน 10 วัน ซึ่งในประเทศไทยนั้นสถานที่ที่จัดงานเทศกาลคเณศจตุรถีอย่างยิ่งใหญ่ก็คือ วัดแขกสีลม หรือ วัดพระศรีมหาอุมาเทวี นั่นเองครับ
ข้อที่ 8. ขนมโมทกะ :
เป็นขนมที่พระคเณศทรงโปรดปรานมากที่สุด ปรุงจากข้าวและน้ำตาลที่มีรสหวาน คำว่า โมทกะ นี้มาจากภาษาสันสกฤต แปลได้ว่า ยินดี พึงพอใจ ความรื่นเริงบันเทิงใจ บางคนก็เชื่อว่าขนมโมทกะนั้นหมายถึง ความฉลาดรอบรู้ จึงมักนิยมบูชาขนมโมทกะแด่พระคเณศในวันสำคัญต่างๆ อย่างเช่นเทศกาลคเณศจตุรถี เป็นต้น
ข้อที่ 9. ชายา :
ชายาของพระคเณศนั้น มีชื่อที่แตกต่างกันออกไปในแต่ละยุคสมัย ทว่าชื่อที่เป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวาง ก็คือ พุทธิ เป็นเทพีแห่งความฉลาด (โอรสชื่อ เกษม) และ สิทธิ เป็นเทพีแห่งความสำเร็จ (โอรส ชื่อ ลาภ)
ข้อที่ 10. บริวาร :
หากสังเกตุดี ๆ เราจะเห็นได้ว่าในรูปปั้นหรือรูปวาดของพระคเณศมักจะมีสัตว์อยู่ชนิดหนึ่งที่หมอบอยู่ปลายพระบาท นั่นก็คือ หนูมุสิกะ อาจจะเรียกได้ว่าเป็นสัตว์บริวาร หรือสัตว์พาหนะก็ได้ครับ โดยมีความเชื่อหนึ่งที่แพร่หลายในหมู่ชาวไทยที่ได้นับถือพระคเณศว่า เวลาขอพรให้กระซิบที่ข้างหูหนูมุสิกะ เพราะเชื่อกันว่าเป็นบริวารที่จะนำคำขอนั้นไปบอกกล่าวแก่พระคเณศ เรียกได้ว่า หนูมุสิกะ เป็นเทพที่คอยทำหน้าที่รับส่งสารจากมนุษย์ไปยังพระคเณศ นั่นเอง
เป็นอย่างไรกันบ้างครับ กับเรื่องราวต่าง ๆ ของ พระพิฆเนศ ทั้งประวัติความเป็นมาและความเชื่อต่าง ๆ ของ พระฆเนศ ซึ่งเป็นที่เคารพนับถือในประเทศไทยอย่างมาก เพราะไม่ว่าจะไปที่วัดไหน หรือ สถานที่ใด ๆ ต่างก็มี พระฆเนศ ให้ได้กราบไหว้บูชากันครับ สำหรับวันนี้ เว็บหวยสด คงต้องขอตัวลากันไปก่อน บทความหน้าเราจะพาไปเที่ยวไหว้พระที่ไหน รอติดตามชมกันได้เลย สวัสดีครับ