พิธีกรรมฮินดู ศาสนาพราหมณ์-ฮินดู ถือเป็นศาสนาที่เก่าแก่ที่สุดในภูมิภาคชมพูทวีปและเป็นพื้นฐานของลัทธิศาสนาต่างๆ ในอินเดีย ศาสนาพราหมณ์ เป็นศาสนาของกลุ่มที่เรียกตัวเองว่า อารยัน หรือ อริยกะ ซึ่งหมายถึง ผู้เจริญ เนื่องจากพวกเขาเป็นผู้ที่ชนะสงครามกับชาวพื้นเมืองและได้ปกครองชาวพื้นเมืองมาโดยตลอด
พิธีกรรมฮินดู
ศาสนาพราหมณ์-ฮินดูถือว่าพิธีกรรมเป็นองค์ประกอบสำคัญของศาสนา เนื่องจากชาวฮินดูในทุกวรรณะมีขนบธรรมเนียมและประเพณีที่ต้องปฏิบัติตาม ซึ่งประเพณีเหล่านี้มีทั้งที่เป็นของเฉพาะวรรณะและส่วนรวมที่ทุกวรรณะจำเป็นต้องปฏิบัติตามกฎที่กำหนดไว้ พิธีกรรมและข้อปฏิบัติของชาวฮินดูสามารถจัดแบ่งออกเป็น 4 หมวดหลัก ซึ่งเป็นเกณฑ์ที่ชาวฮินดูใช้ในการดำรงชีวิตและปฏิบัติตามคำสอนของศาสนาของตน
1. เทศกาลคเณศจตุรถี
ถือเป็นเทศกาลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในการบูชาพระพิฆเนศ ซึ่งจะจัดขึ้นในวันแรม 4 ค่ำ เดือน 9 และวันแรม 4 ค่ำ เดือน 10 วันนี้ถือเป็นวันที่พระพิฆเนศประสูติ เชื่อว่าพระองค์จะลงมายังโลกมนุษย์เพื่อประทานพรอันสูงสุดแก่ผู้ศรัทธา
เทศกาลนี้มีพิธีบูชาและเฉลิมฉลองอย่างยิ่งใหญ่ในอินเดียและทั่วโลก มีการสร้างเทวรูปพระพิฆเนศขนาดใหญ่สำหรับพิธีบูชา จากนั้นจะมีการแห่เทวรูปไปทั่วเมืองแล้วมุ่งหน้าไปยังแม่น้ำศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ ถนนทุกสายคลาคล่ำไปด้วยผู้คนที่มาชมขบวนแห่องค์เทวรูปนับร้อยนับพัน ผู้ศรัทธาทุกคนสวมชุดส่าหรีสีสันสดใส ขบวนแห่จะสิ้นสุดที่แม่น้ำศักดิ์สิทธิ์ เช่น แม่น้ำคงคา แม่น้ำสรัสวตี ฯลฯ แล้วทำพิธีลอยเทวรูปลงสู่แม่น้ำหรือทะเล
ในเดือนกันยายน พ.ศ. 2538 เกิดเหตุการณ์ที่สร้างความฮือฮาไปทั่ว นั่นคือปรากฏการณ์ที่เทวรูปดูดนมสด ซึ่งเกิดขึ้นทั่วโลก รวมถึงในประเทศไทยด้วย เหตุการณ์นี้ตรงกับช่วงเทศกาลคเณศจตุรถี หรือพิธีอุทิศแด่พระคเณศ ทำให้ปรากฏการณ์นี้ได้รับความสนใจจากทั่วโลก หนังสือพิมพ์ที่รายงานเรื่องนี้ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า ผู้คนจำนวนมากต่างพากันไปชมเทวรูปดูดนมกันอย่างแพร่หลาย
ในวันประกอบพิธีคเณศจตุรถี ประชาชนจำนวนมากมารวมตัวกันเพื่อสักการะบูชาพระคเณศที่สร้างจากดินเผา เครื่องบูชามักประกอบด้วยดอกไม้ โดยเฉพาะดอกไม้สีสันสดใส เช่น สีแดง สีเหลือง และสีแสด รวมถึงขนมต้ม มะพร้าวอ่อน กล้วย อ้อย และนมเปรี้ยวตามแบบฉบับของชาวอินเดีย ขณะทำการบูชา ผู้ที่เข้าร่วมพิธีจะท่องพระนาม 108 ของพระองค์เพื่อแสดงความเคารพและศรัทธา
2. เทศกาลนวราตรี
นวราตรีเป็นเทศกาลของชาวฮินดูที่จัดขึ้นเพื่อสักการบูชาพระแม่ศักติมหาเทวี คำว่า “นวราตรี” ในภาษาสันสกฤตหมายถึงเก้าคืน โดย “นว” แปลว่าเก้า และ “ราตรี” แปลว่ากลางคืน หมายความว่าเป็นระยะเวลาเก้าคืนและสิบวันที่ใช้ในการบูชาศักติเทวีทั้ง 9 ปาง ซึ่งเป็นอวตารของพระแม่ทุรคาเทวี รวมถึงเทวีองค์อื่นๆ ในศาสนาฮินดูด้วย
นวราตรี ของลัทธิศักติ ตันตระ
สำหรับโบสถ์ฮินดูที่นับถือลัทธิศักติ มักจะประกอบพิธีบูชาพระแม่ทุรคาทั้ง 9 ปาง ตลอด 9 วันของพิธีกรรม โดยแบ่งการทำพิธีดังนี้
วันแรก – ทำการบูชาพระแม่ทุรกาในปางที่เรียกว่า ปางไศลปุตรี ธิดาของหิมพาน ราชาแห่งภูผา ซึ่งเป็นรูปแบบของศักติที่เป็นสหายของพระอิศวร
วันที่สอง – ทำการบูชาพระแม่ทุรคาในร่างที่เรียกว่า ปางพรหมจาริณี ชื่อที่มาจากคำว่า ‘พระพรหม’ ซึ่งหมายถึง ‘ทาปะ’ หรือ การบำเพ็ญเพียร (มาตา ศักติ)
วันที่สาม – ทำการบูชาพระแม่ทุรคาในปางที่เรียกว่าปางจันทรฆัณฎา ซึ่งทรงกำจัดอสูรด้วยเสียงระฆัง เป็นสัญลักษณ์ของความงามและความกล้าหาญ
วันที่สี่ – ทำการบูชาพระแม่ทุรคาในปางที่เรียกว่าปางกูษามาณฑา ซึ่งเป็นผู้สร้างจักรวาลทั้งหมด
วันที่ห้า – ทำการบูชาพระแม่ทุรคาในปางที่เรียกว่าปางสกันทมาตา พระแม่ของพระขันทกุมาร นักรบผู้กล้าหาญ ซึ่งเป็นโอรสของพระศิวะ
วันที่หก – ทำการบูชาพระแม่ทุรคาในปางที่เรียกว่าปางกาตยานี ซึ่งทรงปราบอสูรด้วยพลังของสามเนตรและสี่กร
วันที่เจ็ด – ทำการบูชาพระแม่ทุรคาในปางที่เรียกว่า ปางกาลราตรี หรือกาลี ผู้ทรงเสวยเลือดอสูร ซึ่งหมายถึงการเสริมสร้างความกล้าหาญ
วันที่แปด – ทำการบูชาพระแม่ทุรคาในปางที่เรียกว่า ปางมหาเคารี ผู้ทรงเป็นเจ้าแม่แห่งธัญชาติ ช่วยให้พืชพันธุ์เจริญงอกงาม
วันที่เก้า – ทำการบูชาพระแม่ทุรคาในปางที่เรียกว่า ปางสิทธิธาตรี ผู้ทรงเป็นเจ้าแม่แห่งความสำเร็จ
3. เทศกาลมหาศิวะราตรี
มหาศิวะราตรีคือความยิ่งใหญ่ของพิธีบูชาพระศิวะ มหาเทพผู้เป็นเทวาธิเทวะ มหาเทวะ (พระศิวะ) พระองค์ทรงเป็นเทพเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ ผู้สร้างทุกสรรพสิ่ง ผู้ที่มีมาก่อนทุกสิ่ง พระศิวะเป็นเทพที่ไม่มีการเกิดและตาย พระองค์มีพระนามมากมาย แต่ละนามมีความหมายที่ดีในตัวเอง พระนามของมหาเทพที่กล่าวถึงในโศลกมีทั้งหมด 240 พระนาม
4. เทศกาลดีปาวลี
Diwali (ดิวาลี) หรือ ดีปาวาลี หมายถึงแถวหรือแนวของตะเกียงไฟ (rows of lighted lamps) ดังนั้น Diwali จึงเป็นเทศกาลแห่งแสงไฟและความรื่นเริง เพื่อต้อนรับปีใหม่ของชาวฮินดู อีกทั้งยังเป็นการเฉลิมฉลองชัยชนะของคุณงามความดีที่มีต่อความชั่วร้ายและแสงสว่างที่อยู่เหนือความมืดมน ยังแสดงถึงการเริ่มต้นฤดูหนาวอีกด้วย จริงๆ แล้ว Diwali นั้นเป็นการเฉลิมฉลองเพื่อเป็นเกียรติแด่พระราม และนางสีดา พระมเหสีในการเสด็จกลับมาสู่พระนครอโยธยา (Ayodhya) ตามความเชื่อของชาวฮินดู
เทศกาลดิวาลีจัดขึ้นเป็นเวลา 4 วัน โดยแต่ละวันมีการเฉลิมฉลองตามตำนานที่แตกต่างกัน แต่ละตำนานมีเรื่องราวที่เป็นเอกลักษณ์ของตนเอง ดังต่อไปนี้
ตำนานที่ 1 นั่นคือวันแรกของเทศกาลนารากะจตุรถี ซึ่งเฉลิมฉลองการสังหารอสูรนาระกะโดยพระกฤษณะ
ตำนานที่ 2 บูชาพระแม่มหาลักษมี เทพีแห่งความมั่งคั่งและทรัพย์สิน พระองค์มีเมตตาที่จะประทานพรให้กับเหล่ามวลมนุษย์และศานุศิษย์แห่งท่าน ตำนานยังได้กล่าวอีกว่า เป็นวันเฉลิมฉลองชัยชนะของวามนาวตาร (พราหมณ์แคระซึ่งเป็นอวตารหนึ่งแห่งพระวิษณุ) ที่ได้รับชัยชนะจากการปราบอสูรพาลี
ตำนานที่ 3 หลังจากที่อสูรพาลีพ่ายแพ้ต่อพระวิษณุ พระองค์ได้เมตตาให้พรอสูรพาลีมีโอกาสครองโลก 1 วันในแต่ละปี และสามารถออกมาจากนรกเพื่อปกครองโลกได้เพียงวันเดียวเท่านั้น (ตำนานนี้เป็นตำนานของผู้บูชาอสูรพาลี ซึ่งชาวเมืองพาลีจะจุดประทีปโคมไฟทั่วเมืองและจัดขบวนแห่พร้อมร้องรำทำเพลงเฉลิมฉลองการกลับมาของราชาพาลี)
ศาสนาพราหมณ์-ฮินดูกับสังคมไทย
ศาสนาพราหมณ์-ฮินดูมีอิทธิพลต่อวัฒนธรรมไทยอย่างมาก แต่ยังไม่มีหลักฐานแน่ชัดเกี่ยวกับช่วงเวลาที่ศาสนานี้เข้ามาในประเทศไทย นักประวัติศาสตร์ส่วนใหญ่สันนิษฐานว่าศาสนาพราหมณ์น่าจะเข้ามาก่อนสมัยสุโขทัย โบราณสถานและรูปสลักเทพเจ้าจำนวนมากแสดงให้เห็นถึงอิทธิพลของศาสนา เช่น รูปสลักพระนารายณ์ 4 กร ที่ถือสังข์ จักร คทา และดอกบัว พร้อมสวมหมวกทรงกระบอก เชื่อว่าอาจมีอายุประมาณพุทธศตวรรษที่ 9-10 หรือเก่าแก่กว่านั้น
พิธีกรรมฮินดู พราหมณ์เริ่มเข้ามาในประเทศไทยก่อนยุคสุโขทัย โดยเส้นทางหลักมาจากเขมร ผ่านลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา และทางภาคใต้ ศาสนาพราหมณ์คือศาสนาฮินดูดั้งเดิม ซึ่งชาวอินเดียได้นำเข้ามาพร้อมกับศาสนาฮินดู โดยเฉพาะในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ คัมภีร์ดั้งเดิมของศาสนาพราหมณ์-ฮินดูคือคัมภีร์พระเวท ซึ่งหมายถึงความรู้ที่มาจากพระเจ้า พระผู้ประเสริฐคือพรหม คัมภีร์พระเวทจึงเป็นคำสอนของพระเจ้าครับ สำหรับวันนี้ เว็บหวยสด คงต้องขอตัวลากันไปก่อน พบกันได้ใหม่ในบทความหน้า สวัสดีครับ