Author name: admin

ภาคอีกสานนั้นมี วัดสวยศักดิ์สิทธิ์ อยู่ดัวยกันเป็นจำนวนมาก ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ วัดป่าแสงอรุณ จังหวัดขอนแก่น หรือที่เรียกกันว่า สิมอีสาน ซึ่งเราถือได้ว่าเป็นวัดที่มีสถาปัตยกรรมสวย ๆ เก่าแก่โบราณ แบบที่วาหาดูได้ยากมาก ๆ อีกด้วยในขอนแก่น หากใครสนใจอยากลองไปชมสิมโบราณืเก่าแก่ วัดดังขอนแก่น แห่งนี้ สามารถตามเราไปดูกันได้เลยครับ วัดป่าแสงอรุณ วัดดังขอนแก่น วัดป่าแสงอรุณ มีสถานที่ตั้งอยู่ที่บ้านเลิงเปือย ตำบลพระลับ อำเภอเมืองขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น โดยวัดแห่งนี้ผู้คนเรียกกันสั้น ๆ ว่า สิมอีสาน ซึ่งคำว่า สิม นั้น เป็นภาษาอีสาน โดยหมายถึง พระอุโบสถ และตัวสิมอีสานของ วัดป่าแสงอรุน แห่งนี้ ก็ตั้งอยู่ใจกลางวัด ถูกล้อมรอบไปด้วยต้นไม้ที่คอยให้ความร่มรื่นนั่นเองครับ เราจะเห็นได้ว่าเป็น สิม ที่มีสถาปัตยกรรมแบบอีสานตอนบนที่ถูกสรรสร้างออกมาอย่างสวยงามเป็นอย่างมากครับ ความน่าสนใจของวัด สิมอีสาน หรือ พระอุโบสถ สุดอลังการ พระอุโบสถ ของ วัดป่าแสงอรุน นั้นมีการผสมผสานเข้ากับสถาปัตยกรรมส่วนกลาง โดยสิมจะมีความกว้าง 15 เมตร และความยาว 35 เมตร โดยสูงจากพื้นดิน […]

วัดถนน เป็นหนึ่งในวัดชื่อของ จังหวัดอ่างทอง ที่สายบุญต่างให้ความสนใจและพากันไปเที่ยวไหว้พระกันครับ วัดนั้นอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ ใช้เวลาเดินทางเพียงไม่นาน ที่วัดนี้มี หลวงพ่อรำพึง ซึ่งเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวบ้านอ่างทองให้ความเคารพบูชาและกราบไหว้ อีกทั้งยังพากันมาขอพรเพื่อไปเสี่ยงโชคอยู่ด้วยครับ งานนี้บอกเลยว่าสายเสี่ยงโชคทั้งหลายไม่ควรพลาดเป็นอันขาด วันนี้เราจะพาไปทำความรู้จักกับประวัติและความเป็นมา รวมถึงความน่าสนใจภายใน วัดดังอ่างทอง แห่งนี้อย่าง หลวงพ่อรำพึง ลองตามเราไปดูกันเลยดีกว่าครับ วัดถนน จังหวัดอ่างทอง ประวัติแะลความเป็นมา วัด ถนนสุธาราม นั้นเป็นวัดราษฎร์สังกัดคณะสงฆ์ฝ่ายมหานิกาย มีสถานที่ตั้งอยู่ภายใน ตำบลโผงเผง อำเภอป่าโมก จังหวัดอ่างทอง เป็นวัดเก่าแก่ที่ถูกสร้างขึ้นมาราว ๆ ช่วงปี พ.ศ. 2323 หรือในสมัยกรุงธนบุรี แต่ทางสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติได้ทำการระบุเอาไว้ว่า มีการก่อตั้งขึ้นเป็นวัดเมื่อปี พ.ศ. 2275 ครับ โดยในเวลาต่อมาวัดนี้ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อปี พ.ศ. 2280 ความน่าสนใจภายในวัดแห่งนี้ ก็คือ พระยืนทีมีขนาดเท่าองค์จริงประดิษฐานอยู่ภายในวิหารชื่อว่า “หลวงพ่อพระพุทธรำพึง” หรือ “พระพุทธรำพึง” นั่นเองครับ สิ่งที่น่าสนใจภายในวัด ปัจจุบันถือได้ว่า วัดดังอ่างทอง แห่งนี้มีผู้คนนิยมไปกราบไหว้ไม่น้อย โดยภายในวัดเองมีสิ่งน่าสนใจอยู่ด้วยกันมากมาย อย่างเช่น รอยพระพุทธบาทลอยฟ้า ซึ่งถูกแกะสลักด้วยไม้ติดอยู่บนเพดานของศาลาการเปรียญ โดยจะมีขนาดกว้างราว ๆ 30 นิ้ว

วันนี้เราจะพาไปเที่ยวไหว้พระ เยือน วัดสวย อีกแห่ง ของ จังหวัดอ่างทอง ซึ่งนั่นก็คือ วัดไชโยวรวิหาร กันสักหน่อยครับ เป็นวัดที่โดดเด่นด้วยองค์พระขนาดใหญ่ ที่สำคัญเป็นที่สักการะของชาวอ่างทองกันอย่างมาก ซึ่งหลายคนอาจจะสงสัยว่า วัดสวย อ่างทอง แห่งนี้จะเป็นอย่างไร มีประวัติความเป็นมาแบบไหน และมีอะไรที่ทำให้น่าสนใจ ถึงขนาดต้องขับรถมาเที่ยวที่วัดสวยแห่งนี้กันอย่างแน่นอน เอาเป็นว่าถ้าอยากได้คำตอบก็ลองตามเราไปดูกันได้เลยครับ วัดไชโยวรวิหาร จังหวัดอ่างทอง ประวัติและความเป็นมาของวัด วัดไชโย วรวิหาร หรือ วัดเกษไชโย เป็นวัดพระอารามหลวงชั้นโท มีสถาานที่อยู่ใน ตำบลไชโย อำเภอไชโย จังหวัดอ่างทอง โดยเมื่อสมัยก่อนนี้เป็นวัดราษฎร์ ถูกสร้างขึ้นมาตั้งแต่ในสมัยกรุงศรีอยุธยาแล้วครับ แต่ก็ไม่ได้ปรากฎว่าใครเป็นผู้สร้างวัดนี้ จนครั้งที่สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) ท่านได้มาสร้างพระพุทธรูปองค์ใหญ่ขึ้นไว้ที่วัดแห่งนี้ในสมัยรัชกาลที่ 4 จึงทำให้วัดไชโยฯ นั้นกลายเป็นที่รู้จักและมีชื่อเสียงขึ้นมานั่นเองครับ ความน่าสนใจภายในวัด พระมหาพุทธพิมพ์ จุดเด่นของวัดนั้นจะอยู่ที่ พระมหาพุทธพิมพ์ หรือ หลวงพ่อโต ครับ ซึ่งเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวอ่างทอง และจังหวัดใกล้เคียงนั้น ต่างให้ความเคารพศรัทธาและเลื่อมใสศรัทธากันเป็นอย่างมาก โดยจะเป็นพุทธลักษณะแบบศิลปะรัตนโกสินทร์ ปางสมาธิ ขัดสมาธิราบ มีขนาดหน้าตักกว้าง 8 วา กับ 7 นิ้ว ก่ออิฐถือปูนลงรักปิดทองอย่างสวยสดงามมาก ๆ เลยครับ และด้วยความที่เป็นพระพุทธรูปองค์นี้ถูกสร้างขึ้นโดยสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต

ใครที่กำลังหาวัดเพื่อไหว้พระ เสริมความเป็นสิริมงคลกันอยู่ วัดช่องแสมสาร สัตหีบ ชลบุรี เป็นวัดดัง ใกล้กรุงเทพ เพื่อไปสักการะ หลวงพ่อดำ พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ ของชาวแสมสาร กันครับ หากใครสนใจอยากรู้ความศักดิ์สิทธิ์ของ หลวงพ่อดำ ว่าเป็นเช่นไร และ วัดดังชลบุรี แห่งนี้ซึ่งเป็นหนึ่งใน ที่เที่ยวชลบุรี จะน่าสนใจมากขนาดไหน สามารถตามเราไปดูกันได้เลยครับ วัดช่องแสมสาร จังหวัดชลบุรี ประวัติความเป็นมาและความน่าสนใจ วัดช่องแสมสาน นั้นตั้งอยู่ภายใน ตำบลแสมสาร อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี หรือที่รู้จักกันในชื่อของ วัดหลวงพ่อดำ นั่นเองครับ ซึ่งหลวงพ่อดำองค์นี้มีชื่อเรียกเต็มๆ ว่า พระสัมพุทธมหามุนีศรีคุณาศุภนิมิต ต้องบอกว่าเป็นอีกสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่คู่บ้านคู่เมืองชุมชนช่องแสมสารมาอย่างยาวนานเลยครับ โดยจะประดิษฐานอยู่บนยอดเขาเจดีย์ ซึ่งชาวประมงฝั่งแถบตะวันออกนั้น ต่างก็มีความเลื่อมใสและศรัทธากันอย่างมากครับ โดยในทุกๆ ครั้งก่อนชาวประมงจออกทะเลก็จะไปนมัสการและขอพร เพื่อให้สามารถเดินทางกลับมาโดยสวัสดิภาพ มีโชคให้ได้สินทรัพย์จากทะเลกลับมาอย่างมากมายอีกด้วยครับ สำหรับพระพุทธรูปของ หลวงพ่อดำ นั้น จะเป็นพระพุทธรูปปางสมาธิ มีความสูง 5 เมตร ทั้งยังมีใบหน้าอิ่มเอิบ ดวงตาทอดต่ำลงเหมือนเป็นการแผ่เมตตาให้กับผู้คนที่เดินทางมากราบไหว้ครับ วัดนี้ตั้งนั้นอยู่บนเนินเขา จึงทำให้บริเวณโดยรอบถูกล้อมไปด้วยทะเลครับ ทำให้เราสามารถมองเห็นวิวสวย ๆ ของทะเลสัตหีบ ได้แทบทั้งหมดเลยครับ สำหรับทางด้านนอกของวิหารนั้นะมีการประดับตกแต่งลวดลายของปูนปั้นในรูปเทพเทวดา พร้อมกับพระพุทธประวัติที่อทำออกมได้วิจิตรงดงามมาก ๆ

สมุทรปราการ นั้นวัดที่มีวัดดังอยู่เป็นจำนวนไม่น้อยเลยครับ อย่างที่ วัดสาขลา ซึ่งมี พระปรางค์เอน ที่เป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร ซึ่งเราจะพาไปเที่ยวไหว้พระกันในวันนี้ คือหนึ่งในนั้นเช่นกันครับ ด้วยความที่วัดนี้อยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพ ทั้งยังมีความสวยงามของสถาปัตยกรรม รวมถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ได้กราบไหว้ขอพรอีกมากมาย สำหรับใครที่สนใจเดี๋ยวตามเราไปเที่ยวไหว้พระกันที วัดดังสมุทรปราการ แห่งนี้ได้เลยครับ วัดสาขลา จังหวัดสมุทรปราการ ประวัติความเป็นมาของวัด วัดสาขลา มีสถานที่ตั้งอยู่ในตำบลนาเกลือ อำเภอพระสมุทรเจดีย์ จังหวัดสมุทรปราการ ต้องจัดว่าเป็นวัดเก่าแก่ ที่เป็นศูนย์รวมจิตใจของชุมชนในพื้นที่แห่งนี้มาแต่ช้านานเลยครับ ส่วนไฮไลท์เด่นของวัดสวยแห่งนี้ ก็คือ ในอุโบสถจะมี พระปรางคเอน และ หลวงพ่อโต ส่วนทางด้านล่างของอุโบสถนั้น สามารถลอดผ่านพระราหูซึ่งที่เป็นที่นิยมกันอย่างมาก เพราะเหมือนกับเป็นการสะเดาะเคราะห์ไปในตัวครับ และยังมี ลูกนิมิตรเอก พระพุทธรูปโบราณ รวมถึง องค์พระแฝดหันหลังชนกัน ที่ทางวัดเพิ่งจะขุดค้นพบเมื่อไม่นานมานี้อีกด้วยครับ ความน่าสนใจภายในวัด พระปรางค์เอน พระปรางเอน ที่เราได้เห็นกันในทุกวันนี้ จะเป็นองค์พระปรางค์เก่าแก่ ซึ่งตั้งอยู่ริมคลอง ที่เมื่อก่อนนั้นไม่ได้เอนเหมือนกับที่เราเห็นในปัจจุบันครับ จนเมื่อ 100 กว่าปีก่อนนั้น ได้เกิดน้ำท่วม จึงทำให้พื้นดินที่ลอยตัวอยู่บนโคลนนั้นเกิดการทรุดตัวลง จนทำให้องค์พระปรางค์เกิดเอียงไปด้านตะวันตกได้ราว ๆ 15 องศา แต่หลังจากการเอียงในครั้งนั้นก็ไม่ได้มีการเอียงเพิ่มแต่อย่างใดอีกครับ เลยถูกปล่อยไว้ให้เอน และกลายเป็นสัญลักษณ์ของ บ้านสาขลา แห่งนี้ไปเลย ส่วนโดยรอบของ องค์พระปรางเอน นั้น ก็จะมีการกั้นกำแพงแก้วเอาไว้รอบ ๆ

กระบี่ นั้นไม่ได้มีดีแค่เพียง ทะเล อย่างเดียวนะครับ เพราะที่จังหวัดนี้ยังมี วัดสวย ๆ สถานปัตยกรรมงาม ๆ อยู่ด้วย อย่างเช่น วัดบางโทง หรือ วัดมหาธาตุวชิรมงคล ที่วันนี้เราจะพาไปเที่ยวไหว้พระกันครับ หากใครสงสัยว่าที่นี่จะสวยจริงตามที่พูดหรือไม่ ก็ลองตามเราไปทำความรู้จักกับ วัดสวยกระบี่ แห่งนี้พร้อม ๆ กันเลยดีกว่าครับ วัดบางโทง (มหาธาตุวชิรมงคล) จังหวัดกระบี่ ประวัติความเป็นมาของวัด วัดมหาธาตุวชิรมงคล นั้นมีสถานที่ตั้งอยู่ในบ้านบางโทง ตำบลนาเหนือ อำเภออ่าวลึก จังหวัดกระบี่ วัดนี้สร้างขึ้นมาในปี พ.ศ. 2483 ซึ่งอยู่ในที่ดินจากการบริจาคของนายเปล้า ทองศิริ นายมั่น เพ่งกิจ และนายน่วม ดำพันธ์ รวมพื้นที่มากกว่า 100 ไร่เลยครับ สำหรับบริเวณรอบ ๆ ของวัดนั้น จะเป็นสวนยางพาราและสวนปาล์มน้ำมัน ซึ่งถือว่าเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญของจังหวัดกระบี่ แต่เดิมวัดแห่งนี้ชาวบ้านเรียกขานว่า “วัด บางโทง” ซึ่งเป็นการตั้งตามชื่อหมู่บ้าน วัดได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ.

สายมูทั้งหลาย ขอให้รีบมาตรงนี้กันด่วนเลย เพราะวันนี้เราจะพาทุกคนไปไหว้พระพิฆเนศ ปางมหาราชา กันที่ วัดบางกระเจ้า หรือ คุ้งบางกระเจ้า ซึ่งเป็นสถานที่ขอพรสำหรับคนที่เน้นเรื่องการเงิน และความรักเป็นพิเศษ ที่เปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้าไปกราบไหว้สักการะอยู่ด้วยครับ ใครสนใจอยากทราบความเป็นมาและไฮไลท์ของ ที่เที่ยวสมุทรปราการ แห่งนี้ สามารถตามเราไปดูกันได้เลยครับ วัดบางกระเจ้า มหาเทวาลัย จังหวัดสมุทรปราการ โดยปกติแล้วเราน่าจะรู้จักกับบางกระเจ้าในมุมที่เป็นพื้นที่สีเขียว ซึ่งเปี่ยมไปด้วยความอุดมสมบูรณ์ แล้วรู้หรือไม่ครับว่า ที่นี่ยังเป็นที่ตั้งของ มหาเทวลัย พระพิฆเนศปางค์มหาราชา อีกด้วย โดยสถานที่นี้ เป็นที่ประดิษฐานของ พระพิฆเนศปางค์มหาราชา ซึ่งมีเพียงแห่งเดียวของเมืองไทย และยังเป็นที่แรกในโลก นอกจาก พระพิฆเนศปางค์มหาราชา แล้วที่นี้ยังมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์อีกมากมายที่ประดิษฐานอยู่ อย่างเช่น ท้าวเวสสุรวรรณ หรือ รูปปั้นพระศิวะ เป็นต้นครับ ความน่าสนใจ พระพิฆเนศ ปางมหาราชา โดยองค์พระพิฆเนศนั้นสูงใหญ่ถึง 9 เมตร หรือเทียบเท่ากับตึกประมาณ 3 ชั้นเลยทีเดียวครับ ทั้งนี้ องค์พระพิฆเนศ ถือเป็นมหาเทพผู้ทรงภูมิปัญญายิ่งใหญ่ ที่สามารถขจัดอุปสรรค และช่วยหนุนในเรื่องความสำเร็จโดยตรงครับ อีกทั้งยังทรงเป็นเทพแห่งศิลปวิทยาการและการประพันธ์ สำหรับสายมูคนไหนที่มีความศรัทธาในองค์พระพิฆเนศ และต้องการขอพรในเรื่องเงินทอง รวมถึงความรัก ไม่ควรพลาดมาสักการะที่นี่เป็นอันขาด

หากถามถึง วัดสวยเมืองไทย ที่มีอยู่ คงเป็นไปไม่ที่จะระบุว่าวัดไหนสวยที่สุดครับ เพราะแต่ละวัดนั้นต่างก็มีความสวยโดดเด่นที่แตกต่างกันออกไป และมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเองกันทั้งนั้น แต่ถ้าอยากรู้ว่ามีวัดไหนบ้างที่อยากให้แนะนำ วันนี้เราจึงจะพาไปทำความรู้จักกับ 6 วัดสวยในไทย เพื่อให้สายเที่ยวและสายบญ ได้ลองแวะไปเที่ยว ไหว้พระ ทำบุญ พร้อมกับถ่ายรูปสวยๆ วัดดังเมืองไทย กันเองครับ เที่ยวไหว้พระ 6 วัดสวยเมืองไทย 1. วัดพระแก้ว กรุงเทพมหานครฯ หากพูดถึงวัดคู่บ้านคู่เมืองของประเทศไทย ก็ต้องเป็นที่นี่เลยครับ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม หรือ วัดพระเเก้ว เป็นวัดในพระบรมมหาราชวัง เช่นเดียวกับวัดพระศรีสรรเพชญ์ ซึ่งเป็นวัดในพระราชวังหลวงในสมัยอยุธยานั่นเอง ทำการสร้างขึ้นมาพร้อมกับการสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ในสมัยรัชกาลที่ 1 ความน่าสนใจภายในวัดนี้ ก็คือ พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร หรือ พระแก้วมรกต ซึ่งเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ ที่พุทธศาสนิกชนชาวไทยเราเคารพบูชาและศรัทธามากๆเลยครับ และสิ่งที่น่าสนใจอื่น ๆ จะมี พระปรางค์ 8 องค์ และหอระฆัง รวมถึงหอพงศานุสรณ์ เป็นต้นครับ 2. วัดร่องขุ่น จังหวัดเชียงราย วัดร่องขุ่น หนึ่งในวัดดังของเมืองไทย ที่มีความสวยงามอลังการแบบสุด ๆ วัดนี้อยู่ที่ จังหวัดเชียงราย ออกแบบและดำเนินการสร้างโดย อาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ จิตรกรชื่อดังของไทยเราครับ ซึ่งท่านได้แรงบันดาลใจ ในการสร้างวัด 3 ประการ ซึ่งก็คือ เพื่อชาติ

ไหน ๆ ใครที่เคยได้ยินชื่อของ วัดหินแท่นลำภาชี ที่ตั้งอยู่ใน เมืองกาญจนบุรี กันมาบ้างแล้วครับ เพราะเป็น วัดสวยเมืองไทย ที่มีประติมากรรมอันแสนจะสวยสดงดงาม เพราะว่าที่วันแห่งนี้ เค้ามีโบสถ์แก้ว ที่ตั้งเอาไว้อยู่บนเรือหงส์ ซึ่งเป็นแค่แห่งเดียวในไทยเลยนะครับ แล้วจะไปหาความสวย Unseen แบบนี้ได้จากที่ไหน คงจะไม่มีอย่างแน่นอนครับ ถ้าอย่างงั้นเราลองมาทำความรู้จัก วัดสวยกาญจนบุรี กันเลยดีกว่าครับ วัดหินแท่นลำภาชี จังหวัดกาญจนบุรี ประวัติและความเป็นมา วัดหินแท่นลำภาซี มีสถานที่ตั้งอยู่ภายใน บ้านหินแท่น ตำบลหนองไผ่ อำเภอด่านมะขามเตี้ย ในจังหวัดกาญจนบุรี บอกเลยว่าเป็นวัดชื่อดัง ที่ขึ้นชื่อเรื่อง อุโบสถ ที่มีความสวยที่สุดของ เมืองกาญจนบุรี เลยนะครับ และยังมีสมเด็จพระพุฒาจารย์ โต พรหมรังสี องค์ใหญ่ที่ตั้งประดิษฐานอยู่ด้านหน้าพระอุโบสถอีกด้วยครับ ซึ่งอุโบสถแห่งนี้ ถูกเรียกว่า โบสถ์สำเภาแก้วร้อยล้าน โดยที่ข้าง ๆ ก็จะมีเรืออนันตนาคราชลักษมี ที่อยู่คู่ขนาบข้างไปด้วย เป็นโบส์ถที่มีหนึ่งเดียวในประเทศไทยเลยครับ มีการสันนิษฐานว่า ถูกสร้างขึ้นเมื่อตอนปี พุทธศักราช 2481 ครับ ซึ่งแนวคิดในการสร้างโบสถ์แก้วที่ได้ตั้งประดิษฐานอยู่บนเรือหงส์นี้ เริ่มมาจาก พระครูมหาพุทธาภิรักษ์ ซึ่งท่านเป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดอินทรวิหารบางขุนพรม ณ ตอนนั้น ท่านได้เกิดนิมิตเห็นขึ้นมา จังได้นำคณะศรัทธาหลวงพ่อสมเด็จพระพุฒาจารย์