Author name: admin

วันนี้เราจะเปิดดวงชะตาของชาว ราศีเมถุน67 ตลอดทั้งปีครบทั้ง 12 เดือน ให้แก่ผู้ที่เกิดในราศีเมถุน ได้รู้ถึงทิศทางของชีวิตใจแต่ละเดือน ไม่ว่าจะเป็นดวงการเงิน, ดวงการงาน, ดวงความรัก และดวงสุขภาพ ว่าจะไปในทิศทางไหน และมีวิธีการตั้งรับกับปัญหาที่อาจจะเกิดได้อย่างไร ขอเชิญชาวเมถุนทุกท่านทั้งชายและหญิงมา ตรวจดวงรายปี2567 กันได้เลยครับ ดวงราศีเมถุน67 ( ผู้ที่เกิดวันที่ 15 มิถุนายน – 15 กรกฎาคม) ปีนี้เรียกว่าเป็นปีแห่งบททดสอบของชาว ราศีเมถุน67 ด้านความอดทนแม้ภายนอกจะดูเรียบเฉยเป็นปกติ แต่ทว่าภายในของคุณค่อนข้างเครียดและมีความกดดันในหลาย ๆ เรื่อง พยายามทำให้ร่างกายของคุณนั้นแข็งแรงเข้าไว้ คนรักหรือคนใกล้ชิดจะมีอิทธิพลต่ออารมณ์ความรู้สึกคุณค่อนข้างมากกว่าปกติ ฉะนั้นค่อย ๆ คิด และค่อย ๆ คลี่คลายไปทีละปัญหาอย่าเอามารวมกัน เพราะทางออกยังมีอยู่เสมอ ตรวจดวงเดือนมกราคม ดวงการงาน : เกิดการปรับเปลี่ยนแบบเลี้ยวหักมุม เปลี่ยนสิ่งที่เคยทำแบบฉับพลันเพื่อรับทรัพย์มากขึ้นมั่นคงมากขึ้น ดวงการเงิน : ดวงได้รับทรัพย์ รับโชคแบบฉับพลัน การเสี่ยงดวงเสี่ยงโชคมีโอกาสลุ้นสูงมาก ดวงความรัก :คนโสด – มีโอกาสที่จะพบรักกันแบบกะทันหันคนมีคู่ – อยู่ ๆ อาจเปลี่ยนแปลงบางสิ่ง […]

วันนี้เราจะพาไปเที่ยว จังหวัดแพร่ ที่ วัดพระธาตุช่อแฮ เพื่อไป สักการะพระธาตุช่อแฮ พระธาตุประจำปีเกิดของชาวขาล (ปีเสือ) ในแบบฉบับความเชื่อของชาวล้านนา ซึ่งถือว่าเป็นปูชนียสถานศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่คู่บ้านคู่เมืองแพร่ มาตั้งแต่อดีตจวบจนถึงปัจจุบัน ทั้งยังเป็นอีกหนึ่งสถานที่เที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรมที่มีความสำคัญสำคัญของจังหวัดแพร่เป็นอย่างมาก ดังนั้นเราจะพาทุกท่านไปทำความรู้จักกับ วัดดังจังหวัดแพร่ แห่งนี้เองครับ วัดพระธาตุช่อแฮ จังหวัดแพร่ “พระธาตุช่อแฮ” อยู่ภายใน “วัดพระธาตุ ช่อแฮ พระอารามหลวง” ตำบลช่อแฮ อำเภอเมือง จังหวัดแพร่ พระธาตุช่อแฮ นั้นนักโบราณคดีทำการสันนิษฐานว่าถูกสร้างขึ้นระหว่างปี พ.ศ. 1879 – 1881 โดย “ขุนลัวะอ้ายก้อม” ไว้บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ซึ่งได้รับพระราชทานมาจาก “พระมหาธรรมราชา(ลิไท)” จากกรุงสุโขทัย และยังเป็น “พระธาตุประจำปีเกิดของคนเกิดปีขาล (ปีเสือ)” ตามคติการไหว้พระธาตุตามปี 12 นักษัตร ของชาวล้านนาโบราณนั่นเองครับ มีความเชื่ออยู่ว่าครั้งหนึ่งในชีวิต วัดดังแพร่ ผู้ที่เกิดปีขาล นั้นควรที่จะไปกราบไหว้ และตั้งจิตอธิษฐานเพื่อขอพรสิ่งใดแล้ว ให้บังเกิดผลสำเร็จดังที่ใจปราถนา และถือว่าเป็นมงคลสูงสุดต่อชีวิต และครอบครัวของตนเอง ด้วยที่ องค์พระธาตุช่อแฮ นั้นตั้งอยู่บนเนินเขาสูง การที่จะเดินขึ้นไปไหว้องค์พระธาตุ จะต้องเดินผ่านบันไดที่มีความสูงชัน เป็นการทดสอบกำลังบุญกันว่ามีแค่ไหนครับ ส่วนใครที่สุขภาพไม่ดี ไม่จำเป็นต้องกังวลกันไป

หากใครได้ไปเที่ยวแม่ฮ่องสอน ไม่ควรพลาดที่จะ ไปไหว้สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ วัดพระธาตุดอยกองมู คู่บ้านคู่เมืองแม่ฮ่องสอนกันสักครั้ง เพราะไม่ว่าจะเป็นสายบุญ หรือสายเที่ยวทุกคนต่างปักหมุด ตั้งพิกัดต้องมาที่นี่ วัดพระธาตุดอยกอง ซึ่งวัดตั้งอยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองแม่ฮ่องสอนมากเท่าไหร่ครับ สำหรับชาวเมืองแล้ว สถานที่แห่งนี้นับเป็นปูชนียสถานคู่บ้านคู่เมืองมาแต่ครั้งโบราณที่มีสถาปัตยกรรมแบบศิลปะมอญที่งดงามอย่างมาก ถ้าหากใครสนใจไปเช็กอินท์ วัดสวยแม่ฮ่องสอน แห่งนี้ ขอให้ตามไปดูกันได้เลย วัดพระธาตุดอยกองมู จังหวัดแม่ฮ่องสอน สิ่งที่แน่นอนว่าหนึ่งในบททดสอบสำคัญ ก่อนที่เราจะขึ้นไปถึงวัดพระธาตุดอยกอง ก็คือการเดินทางข้ามผ่านดอยต่าง ๆ และต้องผ่านทางโค้งอีก 1,864 โค้ง ซึ่งอันเป็นที่เลื่องลือถึงความยากลำบากในการมาถึง แต่หลังจากพิชิตพันโค้งได้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เราก็จะไม่เสียดายเลยที่มาถึง แม่ฮ่องสอน ดินแดนสามหมอกอันสวยงาม หลังจากแวะพักกันเล็ก ๆ น้อย ๆ กันแล้วเราก็ทำการมุ่งหน้าไปที่ วัดพระธาตุดอยกอง ซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองแม่ฮ่องสอนสักเท่าไหร่ สำหรับชาวเมืองแล้วที่นี่นับเป็นปูชนียสถานคู่บ้านคู่เมืองมาช้านานเลยทีเดียว โดยแต่เดิมวัดแห่งนี้มีชื่อว่า วัดปลายดอย สร้างขึ้นในแบบศิลปะมอญ เป็นพระธาตุเจดีย์ที่สร้างขึ้นเป็นแห่งแรกของแม่ฮ่องสอนอีกด้วยค่ะ ภายในวัด มีพระธาตุเจดีย์ 2 องค์ด้วยกัน คือพระธาตุเจดีย์องค์ใหญ่ และพระธาตุเจดีย์องค์เล็ก ความน่าสนใจของวัด 1. พระธาตุเจดีย์องค์ใหญ่ พระธาตุเจดีย์องค์ใหญ่นั้นถูกสร้างขึ้นด้วยแรงศรัทธาของ คหบดีชาวไทยใหญ่ชื่อ จองต่องสู่ ในปี พ.ศ. 2403 เพื่อเอาไว้บรรจุพระธาตุของพระมหาโมคคัลลานะเถระที่ พระอู่ปั่นเต้กต๊ะชาวเมืองตองกี ประเทศเมียนมา โดยมีการอัญเชิญมาจากเมืองมะละแหม่ง ประเทศเมียนมา ซึ่งหากว่ากันตามยุคตามสมัยแล้ว เพราะการจะสร้างเจดีย์ที่อยู่สูงสุดยอดดอยได้ขนาดนี้ นอกจากทุนทรัพย์

หลังจากที่ ดาวพุธย้าย เคลื่อนเข้าสู่ราศีเมษ ตั้งแต่วันที่ 7 พฤษภาคม 2567 ที่ผ่านมา แต่ทว่าครั้งนี้อาจโคจรด้วยความรวดเร็วมากกว่าปกติ เพราะจะย้ายออกในช่วงบ่ายของวันที่ 25 พฤษภาคม ซึ่งเท่ากับว่าดาวพุธสถิตในราศีเมษ แค่เพียง 18 วันเท่านั้น ซึ่งจะส่งผลต่อการใช้คำพูด การเจรจาติดต่อสื่อสารของหลาย ๆ ราศี ซึ่งมีทั้งด้านดีและไม่ดี เพราะฉะนั้นเราลองมา ดูดวงชะตาปี 2567 หลังจากที่ดาวพุธย้ายกันดีกว่า ว่าแต่ลัคนาราศีนั้นจะเป็นอย่างไรกันบ้าง ดาวพุธย้าย 12 ราศี จะเป็นเช่นไร เนื่องจากดาวพุธเดินเร็ว และได้ย้ายเข้าสู่ราศีเมษ ในช่วงวันที่ 7 – 25 พฤษภาคม 2567 เรามาลองดูดวงกันหน่อยว่าลัคนาราศีไหนจะมีโชคลาภจากคำพูด หรือยิ่งพูดยิ่งหาเรื่องใส่ตัวกันดีกว่า ลัคนาราศีเมษ (เกิดวันที่ 14 เม.ย. – 14 พ.ค.) มีเรื่องคุยกับเพื่อนทั้งวัน แต่ขอให้คิดดี ๆ ก่อนพูดด้วยนะ และอย่าได้ไปกวนบาทาใครสุ่มสี่สุ่มห้า มีสิทธิ์ที่จะโดนเขม่นเอาได้ง่ายๆ บางคนจะได้รับข่าวที่รอคอยอยู่ และอาจมีความคืบหน้าในเรื่องที่เคยติดต่อเจรจาไว้

จังหวัดเชียงใหม่ นอกจากเป็นศูนย์รวมแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติแล้ว ยังเป็นแหล่งรวมวัดสวยๆไว้อีกมากมาย และ วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร นั้นเป็นพระอารามหลวงที่สะท้อนให้เห็นถึงศิลปะแบบล้านนาอย่างวิจิตรตระการตา อีกทั้งยังเป็น วัดดังเชียงใหม่ ที่ตั้งประดิษฐานพระพุทธรูปสำคัญอย่าง “พระพุทธสิหิงห์” ที่พุทธศาสนิกชนชาวไทยเรานิยมไปกราบไหว้กัน วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร จังหวัดเชียงใหม่ ประวัติ วัดพระสิงหวรมหาวิหาร วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร หรือที่เราเรียกกันสั้นๆ กันว่า วัดพระสิงห เป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดวรมหาวิหาร อยู่ในเมืองเชียงใหม่ มีการสร้างขึ้นเมือปี พ.ศ. 1888 โดย พญาผายู ซึ่งเป็นกษัตริย์เชียงใหม่องค์ที่ 5 ของราชวงศ์มังราย เพื่อไว้บรรจุพระอัฐิของ “พญาคำฟู” พระราชบิดาของพระองค์ แต่เดิม วัดแห่งนี้มีชื่อว่า วัดลีเชียงพระ เพราะคำว่า “ลี” ที่อยู่ในภาษาล้านนานั้นแปลว่า “ตลาด” และด้านหน้าวัดก็เป็นชุมชนซึ่งมี ตลาดลีเชียงพระ ที่มีชาวบ้านมาทำการค้าขาย จึงเป็นที่มาของชื่อในสมัยนั้น  แต่แล้วเมื่อปี พ.ศ. 1943 พญาแสนเมืองมา ได้ทำการอัญเชิญ พระพุทธสิหิงค์ พระพุทธรูปเก่าแก่ศักดิ์สิทธิ์มาตั้งประดิษฐานไว้ที่ วัดลีเชียงพระ แห่งนี้ จึงได้มีการเปลี่ยนชื่อเป็น วัดพระสิง จวบจนกระทั่งปี พ.ศ. 2483 ในช่วงรัชสมัยของ รัชกาลที่ 8 ก็ได้รับพระราชทานโปรดเกล้าฯ ยกฐานะขึ้นเป็น พระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดวรมหาวิหาร และกลายมาเป็น วัดพระสิงหวรมหาวิหาร นับแต่นั้นเป็นต้นมา ความน่าสนใจของ วัดพระสิงวรมหาวิหาร 1. วิหารหลวง ทางด้านหน้าของวัดจะมี วิหารหลวง ที่สร้างขึ้นในสมัยของ ครูบาเจ้าศรีวิชัย เมื่อปี พ.ศ. 2467 ซึ่งเราจะสามารถสังเกตได้เลยว่า วิหารหลวงแห่งนี้เป็นการผสมผสานกันระหว่างศิลปะแบบล้านนาบวกกับรัตนโกสินทร์ ทางด้านในเป็นที่ตั้งประดิษฐานของ พระศีสรรเพชญ (หลวงพ่อโต) พระพุทธรูปขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นพระประธานของวิหาร ส่วนด้านหน้าตรงวงเวียนของพระวิหารนั้นจะมี อนุสาวรีย์ครูบาศรีวิชัย ที่ได้สร้างขึ้นเพื่อเป็นการรำลึกถึง ครูบาเจ้าศรีวิชัย อดีตเจ้าอาวาสของวัดพระสิงวรมหาวิหารแห่งนี้ 2. พระวิหารลายคำ จุดที่สำคัญที่สุดของวัดพระสิงวรมหาวิหาร

เวลาเดินทางไปยัง จังหวัดเชียงใหม่ เราก็จะได้เห็นองค์พระธาตุสีทองอร่ามของ วัดพระธาตุดอยคำ ที่เด่นชัดมาแต่ไกล เพราะที่นี่เป็นจุดสังเกตของการบินไทย ก่อนที่จะทำการลดระดับเครื่องบินลงจอดที่สนามบินเชียงใหม่นั่นเองครับ อีกทั้งยังเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่มีความเป็นมายาวนานนับพันปีตั้งแต่สมัย หริภุญชัย กันเลยทีเดียว วันนี้ลองตามไปดูกันว่า วัดดังเชียงใหม่ แห่งนี้จะมีตำนานและประวัติอะไรที่น่าสนใจบ้างกันดีกว่า วัดพระธาตุดอยคำ จังหวัดเชียงใหม่ วัดดอยคำ นั้นได้ตั้งอยู่บนยอดเขาเล็กๆ บริเวณ ดอยคำ ซึ่งมีความสูงกว่าระดับน้ำทะเลประมาณ 200 เมตร อยู่ในตำบลแม่เหียะ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ ถือได้ว่าเป็นวัดเก่าแก่สำคัญที่มีความเป็นมายาวนานกว่า 1,300 ปี เริ่มตั้งแต่สมัยหริภุญชัย ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานขององค์เจดีย์ พระธาตุดอยคำ ที่ได้บรรจุพระบรมสารีริกธาตุขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเอาไว้ ถือว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองเชียงใหม่อีกแห่งหนึ่งที่มีนักท่องเที่ยว รวมไปถึงพุทธศาสนิกชนพากันเดินทางเข้าไปกราบไหว้ขอพรอย่างไม่ขาดสาย ประวัติ วัดดอยคำ วัดดอยคำ ที่เราเห็นกันอยู่ในปัจจุบันนั้นได้ผ่านการบูรณะปฏิสังขรมาไม่น้อยเลยครับ จึงทำให้สภาพของวัดทุกวันนี้ดูมีสภาพที่สมบูรณ์อยู่มาก แต่ความจริงแล้วเดิมมีชื่อว่า วัดสุวรรณบรรพต มีการสร้างขึ้นตั้งแต่ ปี พ.ศ. 1230 โดย เจ้ามหันตยศ และ เจ้าอนันตยศ ซึ่งท่านเป็นพระโอรสทั้ง 2 พระองค์ของ พระนางจามเทวี ปฐมกษัตริย์แห่งอาณาจักรหริภุญชัยเลยครับ โดยภายในวัดนั้นจะเป็นที่ประดิษฐานของ พระธาตุดอยคำ และ ศาลาการเปรียญ รวมไปถึงพระพุทธรูปสำคัญๆ อีก 2 องค์ ซึ่งองค์แรกก็คือ พระรอดหลวง พระพุทธรูปหินทรายปิดทององค์ใหญ่ และองค์ที่สองคือ พระสามหมอ พระพุทธรูปเนื้อดินที่มีการขุดพบโดยชาวบ้านเมื่อปี พ.ศ. 2509 และได้นำมาประดิษฐานเอาไว้ที่วัดแห่งนี้เพื่อความเป็นสิริมงคล ตำนาน วัดดอยคำ กับ ปูแสะย่าแสะ นอกจาก พระธาตุดอยคำ, พระรอดหลวง และ พระสามหมอแล้ว ที่วัดยังมีรูปยักษ์ 2 ตน ที่มีความเกี่ยวข้องกับ วัดดอยคำ แห่งนี้ด้วยเช่นกันครับ โดยตามตำนานแล้ว ดอยคำ เคยเป็นที่อยู่อาศัยของยักษ์ผัวเมีย 2 ตน ที่มีชื่อว่า จิตา และ ตาเขียว แต่ส่วนใหญ่ชาวบ้านมักจะเรียกกันว่า ปู่แสะ และ ย่าแสะ ซึ่งในวันหนึ่ง เทวดาได้นำเอาพระเกศาธาตุขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

“วัดจุฬามณี” เป็นอีกหนึ่งในวัดเก่าแก่ของจังหวัดสมุทรสงคราม ที่อยู่ในอำเภออัมพวา ที่มีประวัติความเป็นมากว่า 100 ปี เนื่องจากมีคนไทยเป็นจำนวนมากที่นิยมเดินทางไปกราบไหว้สักการะ “ท้าวเวสสุวรรณ” และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในวัดในแต่ละวันเป็นจำนวนมาก เพื่อขอพรในเรื่องต่าง ๆ ตามความเชื่อของแต่ละบุคคล โดยในวันนี้ วัดดังสมุทรสงคราม จะพาดูกันว่าที่วัดแห่งนี้จะมีจุดน่าสนใจนอกจาก ท้าวเวสสุวรรณ อยู่บ้างกันดีกว่าครับ  วัดจุฬามณี จังหวัดสมุทรสงคราม ประวัติความเป็นมาของวัด มีการสันนิษฐานเอาไว้ว่า “วัดจุฬามณี” ได้ถูกสร้างขุึ้นมาช่วงสมัยสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง แห่งกรุงศรีอยุธยา โดยแต่เดิมวัดแห่งนี้มีชื่อเรียกกันว่า “วัดแม่เจ้าทิพย์” หรือ “วัดแม่ย่าเจ้าทิพย์” โดยเป็นการเรียกตามชื่อของท่านทิพย์ ซึ่งเป็นชื่อของท่านทิพย์ ผู้อุปถัมภ์และปฏิสังขรณ์วัดในช่วงเวลานั้น วัด จุฬามณี สร้างขึ้นราวปี พ.ศ. 2172–2190 โดยผู้ที่สร้างก็คือ ท้าวแก้วผลึก (น้อย) ซึ่งเป็นธิดาของท่านพลาย นายตลาดบางช้าง ผู้ซึ่งทำหน้าที่เก็บภาษีอากร และต่อมาได้เป็นต้นราชนิกุลบางช้าง ในอดีตวัดดังสมุทรสงครามแห่งนี้เคยเป็นสถานที่ตั้งโรงเรียนสอนหนังสือภาษาไทยและภาษาขอมมาก่อน แต่ในภายหลังการมรณภาพของเจ้าอาวาส “ท่านพระอธิการเนียม” ใน พ.ศ. 2459 วัดแห่งนี้ก็มีพระจำพรรษาไม่กี่รูป โดยสภาพของวัดนั้นค่อนข้างรกร้าง แถมยังเสื่อมโทรมอย่างมาก จนกระทั่งกำนันบางช้าง ได้ขออาราธนา “พระอาจารย์แช่ม โสฬส” ซึ่งท่านจำพรรษาอยู่ ณ วัดบางกะพ้อม ตำบลอัมพวา

วันนี้เราจะเปิดดวงชะตา ราศีเมษ67 ตลอดทั้งปีครบทั้ง 12 เดือน ให้แก่ราศีเมษทั้งหลายนั้น ดวงปี 2567 นี้จะมีทิศทางไปทางไหน ไม่ว่าจะเป็นดวงการเงิน, ดวงการงาน, ดวงความรัก และดวงสุขภาพ ถ้าหากอยากรู้ว่า ดวงชะตาของคนที่เกิดในราศีพฤษนั้นจะเป็นเช่นไร และควรตั้งรับกับปัญหาที่อาจจะเกิดได้อย่างไร ขอเชิญชาวเมษ ตรวจดวงรายปี2567 กันได้เลยครับ ดวงราศีเมษ67 (ผู้ที่เกิดวันที่ 13 เมษายน – 15 พฤษภาคม) นับเป็นช่วงปีที่ผลงาน ราศีเมษ67 นั้นออกมาเป็นที่น่าพอใจ อีกทั้งยังมีความสำเร็จอยู่ในขั้นดี ด้านการลงทุนได้รับผลตอบแทนดีเช่นกัน ทั้งยังมีแนวความคิดที่จะขยับขยายเพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต รวมทั้งคุณจะได้รับโอกาสที่ดีในการหาเงิน หรือ การสร้างผลงานที่สำคัญ ๆ แต่จะอย่างไรก็ตามการให้ความไว้วางใจการจะเทหมดจนหน้าตักไม่ได้ต้องคอยติดตามใกล้ชิด และเผื่อใจสำหรับการไม่เป็นไปดังหวังไว้ด้วย ดวงประจำเดือนมกราคม 2567 ดวงการงาน : ระมัดระวังการอารมณ์เสียง่ายและน้อยใจไร้สาเหตุ สถานการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นมักจะผิดที่ผิดทาง ดวงการเงิน : การเข้าร่วมกิจกรรมสาธารณะ การเดินทางไกล ก็อาจเป็นโอกาสให้ได้ลาภ ดวงความรัก : คนโสด เจอคนถูกใจ ส่วนคนมีคู่อยู่แล้ว การใช้คำพูด/เขียน

วัดถ้ำแจง เพชรบุรี – องค์พญานาค ถือเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวไทยส่วนใหญ่นั้นให้ความเคารพนับถืออย่างมาก และยังอยู่คู่กับพระพุทธศาสนาในเมืองไทยเรามาอย่างยาวนาน ดั่งที่เราเห็นได้ตามวัดวาอารามต่างๆ ในทุกวันนี้ครับ ซึ่งแต่ละวัดมักจะมีรูปปั้นองค์พญานาคอยู่ด้วยเสมอ แต่รู้หรือไม่ว่าองค์พญานาคที่มีขนาดใหญ่มากที่สุดของเมืองไทยนั้น ได้ตั้งอยู่ที่จังหวัดเพชรบุรี ใกล้ๆ กรุงเทพฯ เพียงแค่นี้เอง เพราะฉะนั้นวันนี้ วัดสวยเมืองไทย จะพาทุกคนไปทำความรู้จักกันครับ วัดถ้ำแจง จังหวัดเพชรบุรี ใครที่กำลังจะไปเที่ยวหรือมาทำธุระที่เพชรบุรี วัดดังเพรชบุรี ขอแนะนำอีกหนึ่งแลนด์มาร์กใหม่ และกำลังกลายเป็นที่นิยมของเหล่าสายมูทั้งหลาย ด้วยการไปกราบไหว้ขอพรจาก “พ่อปู่พญาเพชรคีรี มหามุนี ศรีสุทโธนาคราช” องค์พญานาคแห่งแรกของจังหวัดเพชรบุรี ประวัติความเป็นมาของวัด “วัดถ้ำแจง” มีสถานที่ตั้งอยู่ใน ตำบลเขาใหญ่ อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี ซึ่งมี ดร.วิชัย เตชธมฺโม เป็นเจ้าอาวาสวัดองค์ปัจจุบัน ท่านได้จัดสร้างพ่อปู่พญาเพชรคีรี มหามุนี ศรีสุทโธนาคราช ขึ้นเป็นแห่งแรกของจังหวัดเพชรบุรี และยังมีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ซึ่งมีสูงราว 31 เมตร ส่วนลำตัวมีเส้นผ่าศูนย์กลางกว้างถึง 2 เมตร ความยาวของลำตัวรูปยันต์อุนาโลม โดยมีช่องลอดจำนวน 9 ช่อง มีความยาวถึง 227 เมตร โดยองค์พญานาคมีลักษณะสีนิลปาล หรือสีเขียวปีกแมลงทับมีมิติ

สุดสัปดาห์นี้แวะมาไหว้พระ สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ วัดสวยเมืองไทย ที่ นครนายก อย่าง วัดศรีกะอาง กันดีกว่าครับ ซึ่งเป็นวัดที่เขาว่ากันว่า มีพระพุทธชินราชที่ใหญ่ที่สุดในไทยประดิษฐานอยู่ด้วยครับ โดยตั้งอยู่บนยอดเขาที่สามารถมองเห็นได้แต่ไกลเลย ถือว่าเป็นสถานที่ ที่เที่ยวใกล้กรุงเทพ ที่ต้องจัดให้ว่า ดีงามมาก ๆ กับวัดที่มีชื่อว่า วัดศรีกระะอาง จังหวัดนครนายก งั้นลองตาม วัดสวยนครนายก ไปไหว้พระกันเลยครับ สักการะวัดบนยอดเขา ใกล้กรุงเทพ ที่ วัดศรีกะอาง ประวัติความเป็นมา พร้อมสิ่งที่น่าสนในภายในวัด สถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดนครนายกมีมากมาย ไม่ว่าจะเป็นน้ำตก เขื่อน ศูนย์การเรียนรู้ รวมถึงวัดที่ค่อนข้างหลากหลาย วันนี้วัดที่เราจะนำเสนอให้ทุกคนรู้จัก และไปเที่ยวกันคือ “วัดศรีกระะอาง” หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า วัดเขากะอาง เป็นวัดที่สงบ ร่มรื่น อยู่ท่ามกลางธรรมชาติ มีต้นไม้เยอะมาก มีที่จอดรถกว้างขวาง สามารถเดินขึ้นเขาไปดูความสวยงามของธรรมชาติได้ วัดศรีกระะอาง นั้นตั้งอยู่ที่ ตำบลศรีกะอาง อำเภอบ้านนา จังหวัดนครนายก โดยวัดแห่งนี้เป็นที่ตั้งประดิษฐาน พระพุทธชินราชจำลององค์ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ที่สร้างด้วยอิฐถือปูน มีขนาดหน้าตักกว้าง 18 เมตร และมีความสูงกว่า 30 เมตร โดยทำการสร้างอยู่บนยอดเขาสูงกว่า 150 เมตร