Uncategorized

สำหรับ วันฮาโลวีน Halloween ที่จัดขึ้นทุกวันที่ 31 ตุลาคม ในทุกๆปี เป็นหนึ่งในวันที่เด็กๆ นั้นตั้งตารอกันเป็นอย่างมากไม่ได้แพ้ให้กับ วันคริสมาสต์ เลยครับ โดย ฮาโลวีน ได้แพร่หลายอยู่พอสมควรในเมืองไทย โดยรู้จักกันว่าวันนี้คือ “วันปล่อยผี” ของชาวตะวันตก แต่ในเรื่องของรายละเอียดลึกๆ รวมถึงที่มาที่ไปของวันปล่อยผีนี้ เชื่อว่าอาจจะยังไม่ค่อยมีใครทราบมาสักเท่าไหร่ครับ เอาเป็นว่าใครที่อยากรู้รายละเอียดของเทศกาลฮาโลวีน วันนี้ตามเราไปดูกันได้เลย ประวัติ ที่มาวันฮาโลวีน Halloween Halloween นั้นได้เกิดเพี้ยนมาจากคำว่า All Hallows Eve ซึ่งก์คือ คืนก่อนวัน All Hallows Day หรือ All Saint’s Day ก็คือวันที่ 1 พฤศจิกายน โดยเป็นวันที่เหล่าคริสตศาสนิกชนต่างพากันเดินทางมาปฏิบัติศาสนกิจเพื่อเป็นการระลึกถึงนักบุญต่างๆ ครับ แล้วทำไมถึงมาเกี่ยวกับเรื่องผีได้หล่ะ มีการสันนิษฐานว่าน่าจะมาจากตำนานที่มีมานานกว่า 2,000 ปีแล้วครับ จากความเชื่อของชาวเซลติก ซึ่งเป็นชนพื้นเมืองตอนเหนือของยุโรป ได้มีการระบุเอาไว้ว่า สำหรับช่วงเวลาดังกล่าวถือเป็น เทศกาลบูชาเทพเจ้าแห่งความตาย ก่อนที่จะเข้าสู่ฤดูหนาวแบบเต็มตัว โดยจะมีการนำเหล้า และอาหารออกมาวางไว้นอกบ้าน เพื่อให้เทพเจ้าแห่งความตายได้มาดื่มกิน แต่บ้างก็ว่า วันที่ 31 ตุลาคม นั้นเป็น วันปล่อยผี (คงจะคล้ายๆ กับวันทำบุญเดือนสิบของไทยเราครับ) โดยในวันปล่อยผีนี้เหล่าวิญญาณจะเดินทางกลับมายังโลก เพื่อมาเข้าสิงร่างของคนที่ยังมีชีวิตอยู่ ทำให้ชาวบ้านที่เกิดกลัวว่าจะถูกวิญญาณเข้าสิงต่างพากันดับเตาไฟในบ้าน เพื่อที่บ้านจะได้หนาวเย็น และวิญญาณจะได้ไม่อยากเข้ามา ต่อจากนั้น ก็พากันจะออกไปรวมตัวกันก่อกองไฟเพื่อให้วิญญาณนั้นกลัว และนอกจากนี้ยังมีการแต่งตัวให้เหมือนผี พร้อมกับเดินขบวนส่งเสียงร้องไปรอบๆ หมู่บ้าน เพื่อให้เหล่าวิญญาณทั้งหลายเข้าใจผิดว่าเป็นพวกเดียวกันครับ เทศกาลฮาโลวีน […]

ทุกๆวันที่ 13 มีนาคม ในทุกปี นั้นจะเป็น วันช้างไทย เรานั่นเองครับ เลยจะชวนไปเที่ยวให้อาหารช้าง พร้อมทำกิจกรรมดี ๆ กันที่ ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย ปางช้างในไทย ซึ่งมีอยู่ในหลาย ๆ จังหวัด ที่ได้เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าไปสัมผัสใกล้ชิดกับช้าง พร้อมชมความสามารถของช้าง และร่วมกันทำกิจกรรมต่าง ๆ กับช้างได้แบบใกล้ชิดสุด ๆ เลยครับ ใครที่สนใจลองตามไปดูกันว่า ปางช้างไทย นั้นมีอยู่ที่ไหนบ้างครับ  5 ที่เที่ยวปางช้างในไทย 1. ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย ลำปาง ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย จังหวัดลำปาง นั้นอยู่ภายใต้การดูแลของอุตสาหกรรมป่าไม้ภาคเหนือ ซึ่งเป็นองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเป็นศูนย์ฝึกลูกช้างแห่งแรก ทั้งยังเป็นแห่งเดียวในโลกตอนปี พ.ศ. 2521 ครับ ในเวลาต่อมาได้ถูกปรับให้เป็นสถานที่ดูแลช้างแก่ หรือช้างที่เจ็บป่วย และยังเป็นที่ตั้งของโรงพยาบาลช้างอีกด้วยครับ นอกจากนี้ ที่ปางช้างลำปางแห่งนี้ยังเปิดให้เข้ามาสัมผัสใกล้ชิดกับช้างมากขึ้น ด้วยกิจกรรมท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์ อย่างเช่น ชมการแสดงช้าง การอาบน้ำช้าง หรือการนั่งช้างชมธรรมชาติ และอื่นๆ อีกมากมายครับ 2. ปางช้างแม่แตง เชียงใหม่ ปางช้างแม่แตง คือหนึ่งใน ที่เที่ยวเชียงใหม่ ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก ที่นี่เราสามารถสัมผัสใกล้ชิดกับช้างได้มากๆ ครับ เพราะมีกิจกรรมดี ๆ

วันนี้เราจะพาไปทำความรู้จัก แม่หยัวศรีสุดาจันทร์ จากซีรีส์ แม่หยัว The Empress of Ayodhaya ซึ่งเป็นแม่อยู่หัวองค์เดียวแห่งอโยธยา และยังเป็นบุคคลสำคัญที่ถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ไทยอีกด้วยครับ แถมยังเป็นสตรีที่ถูกขนานนามว่าสาวงามและงูพิษภายในคนคนเดียวกัน ใครที่สนใจอยากทราบประวัติความเป็นมา และรายละเอียดต่าง ๆ สามารถตามเราไปดูได้เลยครับ แม่หยัวศรีสุดาจันทร์ คือใคร? แม่หยัว นั้นก็คือ แม่หยัว ศรีสุดาจันทร์ หรือที่รู้จักในนามว่า “ท้าวศรีสุดาจันทร์” ซึ่งถือว่าเป็นบุคคลสำคัญที่อยู่ในประวัติศาสตร์ไทยช่วงสมัยกรุงศรีอยุธยา โดยพระองค์เป็นพระมเหสีของสมเด็จพระไชยราชาธิราช และมีพระราชโอรส 2 พระองค์ ได้แก่ พระยอดฟ้า และ พระศรีศิลป์ ท้าวศรีสุดาจันทร์ นั้นมีบทบาทสำคัญในการเมืองของราชสำนักอยุธยา โดยเฉพาะหลังจากการสวรรคตของสมเด็จพระไชยราชาธิราชในปี พ.ศ. 2091 ครับ แม่หยัว มีความหมายว่าอะไร สำหรับ แม่หยัว หมายถึง แม่หยัวเมือง โดยอาจกร่อนมาจากคำว่า แม่อยู่หัว หรือ แม่อยู่หัวเมือง นั่นเองครับ ซึ่งเป็นตำแหน่งที่มีอยู่จริงในกฎมณเฑียรบาล โดยจะใช้เรียกพระสนมเอก ที่มีพระโอรสได้กลายเป็นพระมหาอุปราช (พระมหาอุปราช คือ ตำแหน่งรัชทายาทที่จะสืบราชสมบัติของพระมหากษัตริย์) ครับ บทบาททางการเมืองของ “แม่หยัว ศรีสุดาจันทร์” หลังจากที่สมเด็จพระไชยราชาธิราชทรงสวรรคตในปี พ.ศ. 2091 ท้าวศรีสุดาจันทร์ นั้นได้เข้ามามีอำนาจมากขึ้นภายในราชสำนัก ด้วยการที่พระองค์ได้สนับสนุนให้ “พระยอดฟ้า”

เชียงใหม่ หนึ่งในจังหวัดที่มีสถานที่ไหว้พระวัดดังและวัดสวย อยู่เป็นจำนวนมาก ส่วนองค์พระอุปคุต ที่อยู่ภายใน วัดอุปคุต ถือว่ามีชื่อเสียงมาก ๆ เชื่อว่าทุกคนน่าจะรู้จักกันดีครับ สำหรับสายบุญคนไหนที่มาเยือนเชียงใหม่ แล้วอยากไปเที่ยวไหว้พระ ลองตามเราไปที่ วัดดังเชียงใหม่ แห่งนี้กันได้เลยครับ วัดอุปคุต จังหวัดเชียงใหม่ ประวัติความเป็นมาของวัด วัดอุปคุด นั้นตั้งอยู่ภายในตำบลช้างคลาน อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ โดยจะอยู่โซนเดียวกันกับ กาดหลวง หรือ ตลาดวโรรส วัดนี้เป็นวัดราษฎร์ ภายใต้สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย ถูกก่อตั้งขึ้นมาเมื่อประมาณปี พ.ศ. 2300 โดยวัดได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อปี พ.ศ. 2456 ส่วนชื่อของวัดนั้นตั้งตาม พระอุปคุต หรือ พระบัวเข็ม ซึ่งเป็นพระภิกษุในสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช นั่นเองครับ  ความน่าสนใจภายในวัด พระอุปคุต สำหรับเรื่องของความเชื่อเกี่ยวกับ พระอุปคุต ได้ว่ากันว่า พระอุปคุต นั้นมีอิทธิฤทธิ์สามารถปราบท้าววสวัตตีลงได้ โดยในช่วงปลายพุทธศตวรรษที่ 2 หรือ หลังพุทธปรินิพพาน ณ นครปาตลีบุตราชธานี พระเจ้าอโศกมหาราช ผู้ซึ่งครองราชสมบัติในขณะนั้น พระองค์ทรงเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาเป็นอย่างมาก และได้ทำการฉลองสมโภชพระสถูปเจดีย์ทั้งหมดที่พระองค์ได้สร้างขึ้นมา ตลอดระยะเวลา 7 ปี 7 เดือน 7 วัน แต่ทว่าต่อมาได้ถูกพญามารมาผจญ ท่านจึงได้นิมนต์พระอุปคุตเพื่อไปปราบพญามารจนยอมแพ้พ่ายไปในที่สุด

ช่วงปลายปี 67 นี้ สายบุญทุกท่านเตรียมไปเที่ยว งานวัดภูเขาทอง 2567 หรือ ประเพณีห่มผ้าแดง เพื่อกราบไหว้บูชาพระบรมมาสารีริกธาตุ องค์พระเจดีย์บรมบรรพต กันที่ วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพมหานคร ซึ่ง งานนมัสการพระบรมสารีริกธาตุ ภูเขาทอง นั้นจะจัดขึ้นตั้งแต่ วันที่ 8-17 พฤศจิกายน 2567 นั่นเองครับ ใครที่อยากทราบรายละเอียดภานในงาน สามารถตามเราไปดูกันได้เลย ประเพณีห่มผ้าแดง งานวัดภูเขาทอง 2567 วัดสระเกศ งานวัดภูเขาทอง เรียกได้ว่าเป็นงานวัดที่ห้ามพลาดเป็นอันขาด เพราะหลายปีที่ผ่านมานั้น ทางวัดได้งดจัดกิจกรรมไปเนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของ ไวรัสโควิด-19 และในปี 2567 นี้ จึงเป็นปีที่หลายคนต่างเฝ้ารอมาเที่ยวงานกันเป็นจำนวนมาก เพราะนอกจากการได้ร่วมสนุกไปกับกิจกรรมภายในงานแล้ว ยังสามารถสักการะบูชา พระเจดีย์บรมบรรพต ห่มผ้าแดง ซึ่งเป็นมงคลพิธีที่ มีการปฏิบัติสืบทอดกันมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 แล้วครับ สำหรับในปีนี้ งาดถูกจัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 8 – 17 พฤศจิกายน 2567 (รวม 10 วัน) ภายในงาน สามารถเข้าสักการะพระบรมสารีริกธาตุ รวมถึง 9 สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ได้แก่ สัมผัสประเพณี วัฒนธรรมไทย 4 ภาค ประเพณีการห่มผ้าแดง ประเพณีการห่มผ้าแดง นั้นมีที่มาตั้งแต่สมัยพุทธกาล

บทความนี้เราจะพาไป ตรวจดวงชะตาราศีพิจิก 2567 ตลอดทั้ง 3 เดือน สุดท้ายของปี 67 นี้ เพื่อให้ชาวพิจิกนั้นได้เช็กกันดูว่า ดวงเดือนตุลาคม – ธันวาคม 67 ของตนเองนั้นจะไปในทางไหน ไม่ว่าจะเป็นดวงการเงิน, ดวงการงาน, ดวงความรัก และดวงสุขภาพ ถ้าหากอยากรู้ว่า ดวงชะตาของชาวพิจิกจะเป็นเช่นไร มีอะไรที่ต้องระวัง หรือ มีอะไรที่จะทำให้ปังบ้าง ลองตามเราไป ตรวจดวงท้ายปี2567 กันได้เลยครับ ตรวจดวงชะตาราศีพิจิก 2567 ( ผู้ที่เกิดวันที่ 17 พฤศจิกายน – 16 ธันวาคม) ตรวจดวงชะตาลักขณาพิจิก 2567 เนื่องจากช่วงปลายปี 67 นี้ อาจจะต้องเริ่มมองหาสิ่งใหม่ ๆ เข้ามาในชีวิต รวมไปจนถึงอาจได้ทำอะไรเป็นต้นแบบที่ดูล้ำ ๆ กว่าคนอื่นครับ หากเกิดการติดขัดในด้านปัญหาในหน้าที่การงาน ขอเพียงให้ปล่อยวางหรือหาที่ทางที่สงบนิ่ง พร้อมกับทิ้งอารมณ์และความคิดที่ไม่ดีออกไปก่อน เมื่อถึงปลายปีแล้วโชคลาภทุกอย่างนั้นจะราบรื่น จะได้โชคลาภกับสิ่งที่ริเริ่มหรือกำลังเริ่มต้นใหม่ ๆ อย่างเช่น ปลูกบ้านใหม่ ซื้อรถใหม่ หรือการเพิ่มต่อเติมอาคารธุรกิจใหม่

ใครที่วันหยุดเสาร์-อาทิตย์ ไม่อยากไปไหนไกล วันนี้เราไปไหว้พระที่ ฝั่งพระนคร ซึ่งเป็นวัดประจำรัชกาลที่ 4 ที่มีชื่อว่า วัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร ซึ่งเป็นหนึ่งในพิกัดเที่ยว กรุงเทพ ที่น่าสนใจไม่น้อยเลยครับ ซึ่งที่นี่เป็นวัดหลวงที่มีความสวยงดงาม และทรงคุณค่าอย่างมากจริงๆ ใครไม่รู้จะไปเที่ยวไหนในวันหยุดนี้ ก็มาเยือน วัดสวยกรุงเทพ แห่งนี้กันได้เลยครับ วัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร ประวัติความเป็นมาของวัด วัดราชประดิษฐสถิต มหาสีมารามราชวรวิหาร หรือที่เรียกกันสั้นๆ ว่า วัดราชประดิษฐ์ (วัดประจำรัชกาลที่ 4 ) นั่นเองครับ วัดนี้เป็นอารามหลวงชั้นเอกชนิดราชวรวิหาร มีสถานที่ตั้งอยู่ภายใน ถนนสราญรมย์ แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพฯ นี่เองครับ โดยสมัยก่อนที่นี่จะเป็นสวนกาแฟ และเป็นพระอารามหลวงที่ในหลวงรัชกาลที่ 4 พระองค์ทรงโปรดฯ ให้ทำการสร้างขึ้นเพื่อเป็นพระอารามหลวงของพระมหากษัตริย์ตามโบราณราชประเพณีนั่นเองครับ โดยมาจากราชประเพณีที่ว่าบนผืนแผ่นดินไทยเมืองหลวง นั้นจะต้องมีวัดสำคัญประจำอยู่ด้วยกัน 3 ซึ่งก็คือ วัดมหาธาตุ วัดราชบูรณะ และ วัดราชประดิษฐ์ แห่งนี้ครับ โดยทั้งหมดก็สร้างขึ้นเพื่อถวายแด่พระสงฆ์คณะธรรมยุติกนิกายโดยเฉพาะเลยครับ และพระองค์ได้พระราชทานนามวัดนี้ว่า “วัดราชประดิษฐ์สถิตธรรมยุติการาม” วัดแรกของสงฆ์ธรรมยุตที่ถูกสร้างขึ้น โดยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดฯ นั่นเองครับ เนื่องจากวัดอื่น ๆ ที่อยู่ในสังกัดธรรมยุตนั้น จะเป็นวัดที่แปลงมาจากวัดของมหานิกาย วัดแห่งนี้จึงได้รับยกให้เป็นวัดประจำรัชกาลที่ 4 ครับ ความน่าสนใจภายในวัด ถึงแม้ว่า

ใครที่เดินทางมา ลพบุรี แล้วเกิดอยากเที่ยวไหว้พระ ทำบุญ แต่ยังไม่รู้ว่าจะไปวัดไหนดี เราขอแนะนำ วัดเขาพระงาม อีกหนึ่งในวัดขึ้นชื่อของจังหวัดนี้เลยครับ สำหรับคนที่ยังไม่เคยมาที่วัดนี้มาก่อน อาจสงสัยว่าที่วัดนี้มีอะไรที่น่าสนใจอยู่บ้าง และเพราะอะไรทำไมเราถึงได้แนะนำ วัดสวยลพบุรี แห่งนี้ ถ้าอยากรู้ลองตามเราไปดูกันเลย วัดเขาพระงาม จังหวัดลพบุรี วัดสิริจันทรนิมิตรวรวิหาร หรือที่ชาวลพบุรีเรียกว่า “วัด เขาพระงาม” นั้นตั้งอยู่ภายในตำบลเขาพระงาม อำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี โดยจะมีพื้นที่ของวัดจำนวน 99 ไร่ วัดนี้ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อปี พ.ศ. 2466 และได้รับการสถาปนาขึ้นเป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดวรวิหาร เมื่อในปี พ.ศ 2499 ครับ ประวัติความเป็นมาของวัด วัดสิริจันทรนิมิตรวรวิหาร นั้นตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของเชิงเขาพระงาม ซึ่งในอดีตเรียกกันว่า “เขาบ่องาม” เนื่องจากสภาพที่ตั้งของวัดนั้นเป็นภูเขา อีกทั้งยังมีบ่อน้ำตามธรรมชาติที่มีลักษณะสวยงามปรากฏอยู่ด้วยครับ แต่เดิมในอดีตวัดเขาพระงาเคยเป็นวัดร้างมาก่อนครับ ส่วนรื่องการสร้างวัดนี้ขึ้นมาตั้งแต่เมื่อใดไม่มีหลักฐานปรากฏให้เห็นแบบชัดเจน แต่ทว่ามีหลักฐานทางโบราณสถานและโบราณวัตถุที่อยู่ภายในบริเวณวัดอยู่มากมาย อย่างเช่น ซากฐานพระสถูปเจดีย์เก่าบนยอดเขา หรือ ซากกำแพงเก่าที่ปรากฏให้เห็นตรงบริเวณเชิงเขา และ พระพุทธไสยาสน์ที่ได้ประดิษฐานอยู่ภายในถ้ำพญามังกร หรือ ถ้ำภัทราวุโธ ซึ่งถูกสร้างขึ้นด้วยศิลาแลงศิลปสมัยทวารวดี ที่มีความเจริญรุ่งเรืองในช่วงพุทธศตวรรษที่ 12 – 16

พุทธอุทยานวังน้ำเขียว หรือ คำชะโนด วังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา ถือว่าเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ที่เกิดขึ้นภายในอำเภอวังน้ำเขียว ซึ่งผู้คนจากทั่วทุกสารทิศนิยมมากราบไหว้บูชาขอพร พร้อมกับขอโชคลาภกันเป็นส่วนมาก สำหรับหากใครที่ไม่สามารถเดินทางไปยัง คำชะโนด จังหวัดอุดรธานี ได้นั้น ก็สามารถมา ที่เที่ยววังน้ำเขียว แห่งนี้แทนได้ครับ เพราะที่นี่เต็มเปี่ยมไปด้วยแรงและพลังแห่งความศรัทธาอย่างมากมายนั่นเอง คำชะโนด วังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา คำชะโนด ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่มีความเกี่ยวกันเรื่องความเชื่อเกี่ยวกับพญานาคของจังหวัดอุดรธานี ซึ่งถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่โด่งดังสำหรับนักท่องเที่ยวจากทั่วประเทศ แต่รู้หรือไม่ว่า คำชะโนดนั้น มีที่วังน้ำเขียว อยู่ด้วยครับ ประวัติความเป็นมาของวัด คำชะโนดวังน้ำเขียว มีสถานที่ตั้งอยู่ภายใน ต.ไทยสามัคคี อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา สำหรับการเดินทางเพื่อไปยังที่นี่ ใช้เวลาเพียงไม่นานมากจากกรุงเทพฯ ครับ ซึ่งนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จึงมักเลือกที่จะมาทำบุญและขอพรกันที่คำชะโนดแห่งนี้เป็นจำนวนมาก โดยภายในพุทธอุทยานแห่งนี้มีบรรยากาศร่มรื่นด้วยไม้ใหญ่นานาชนิด ที่ให้ความรู้สึกร่มเย็นอยู่ท่ามกลางป่าใหญ่ ซึ่งจะมีลักษณะคล้ายคลึงกับป่าคำชะโนด จังหวัดอุดรธานี เลยครับ อีกทั้งยังมีสถานที่หลายจุดเอาไว้รองรับนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก และมีจุดนั่งพักเป็นระยะ ๆ อยู่ด้วยครับ ความน่าสนใจภายในวัด เมื่อมาถึงคำชะโนดวังน้ำเขียว โคราช แห่งนี้กันแล้ว หลังจากจอดรถ จะเดินเข้าไปประมาณ 200 เมตร โดยระหว่างทางนั้นจะผ่านร้านค้า ที่ขายสินค้าชุมชนต่าง ๆ อยู่มากมายเลยครับ บรรยากาศบริเวณด้านหน้า ร่มรื่นสงบ สำหรับภายในคำชะโนด อำเภอวังน้ำเขียว แห่งนี้