Uncategorized

วัดม่วงอ่างทอง นั้นมี วิหารแก้ววัดม่วง รวมถึง พระพุทธรูปที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งอยู่ในเมืองไทยของเรานี่เองครับ และที่สำคัญวัดนี้ยังอยู่ ใกล้กรุงเทพอีกด้วย และวันนี้ วัดสวยเมืองไทย กำลังจะพาทุกคนไปกันครับ ที่ วัดม่วง วัดดัง อ่างทอง ซึ่งมี หลวงพ่อใหญ่ หรือที่เรียกว่า พระพุทธมหานวมินทร์ศากยมุนีศรีวิเศษชัยชาญ ที่เป็นพระพุทธรูปองค์ใหญ่ที่สุดในโลก ประดิษฐานอยู่นั่นเองครับ วัดม่วงอ่างทอง วัดสวย ใกล้กรุงเทพ ประวัติและความเป็นมา วัดม่วง มีสถานที่ตั้งอยู่ภายใน ตำบลหัวสะพาน อำเภอวิเศษชัยชาญ จังหวัดอ่างทอง เป็นที่ประดิษฐาน พระพุทธมหานวมินทร์ศากยมุนีศรีวิเศษชัยชาญ ที่ได้ทำการก่อสร้างจากคานคอนกรีตเสริมเหล็กให้เป็นชั้น ๆ ขึ้นไป คล้ายแบบโครงสร้างตึก สูงราว ๆ 32 ชั้น เลยทีเดียวครับ ที่ก่ออิฐถือปูนฉาบทาสีทองตลอดทั้งองค์ นับว่าเป็น พระพุทธรูปที่ใหญ่ที่สุดในโลก เลยก็ว่าได้ครับ ต้องบอกก่อนว่าแต่เดิม วัด ม่วง นั้น กลายเป็นวัดร้าง ที่ถูกสร้างขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย แต่เมื่อครั้งที่ได้เสียกรุง พวกพม่าได้เผาทำลายไปเป็นจำนวนมาก จึงทำให้วัด ม่วง เลยเหลือแค่เพียงแค่ซากปรักหักพัง จนเมื่อ พระครูวิบูลอาจารคุณ (หลวงพ่อเกษม อาจารสุโภ) ท่านได้ธุดงค์มา […]

เชื่อว่าหากใครที่เคยได้ยินเรื่องราวของ วัดหลวงพ่ออุตตมะ วัดใต้น้ำ หรือ วัดวังก์วิเวการาม (เก่า) ที่เป็นวัดอยู่ใต้เมืองบาดาล อาจจะสงสัยว่ามีจริงหรือไม่ ซึ่งวัดแห่งนี้มีอยู่จริงครับ และอยู่แค่ที่จังหวัด กาญจนบุรี เอง ซึ่งถือว่าเป็นอีกหนึ่งใน ที่เที่ยวสังขละบุรี นั่นเองครับ แต่ทว่าการจะไปยังวัดแห่งนี้ จะต้องไปให้ถูกช่วงเวลาด้วยนะครับ และจะต้องไปช่วงไหนบ้างนั้น อย่าได้มัวแต่รอช้า! รีบตาม วัดสวยเมืองไทย ไปรู้จักที่นี่กันเลยดีกว่า ที่เที่ยวสังขละบุรี กาญจนบุรี วัดหลวงพ่ออุตตมะ ประวัติ วัดวังก์วิเวการาม วัด วังก์วิเวการาม (เก่า) หรือ วัดหลวงพ่ออุตตมะ นั้นเป็นวัดที่หลวงพ่ออุตตมะ ท่านได้ร่วมกันกับชาวบ้านอพยพซึ่งเป็นชาวกะเหรี่ยงและชาวมอญ มาช่วยร่วมกันสร้างขึ้นในตอนปี พ.ศ. 2496 ที่ บ้านวังกะล่าง อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี โดยจะอยู่ใกล้ ๆ กันกับชายแดนไทย – พม่า โดยจะออกจาก อ.เมืองกาญจนบุรี อยู่ราว ๆ 220 กิโลเมตรนั่นเองครับ โดยเริ่มแรกนั้น วัดแห่งนี้จะมีแค่กุฏิ ศาลา และสำนักสงฆ์เพียงเท่านั้นครับ วัดหลวงพ่ออุตมะ นั้นเป็นชื่อที่ชาวบ้านในพื้นที่ได้เรียกกันขึ้นมา เพราะเมื่อก่อนนั้น วัดวังก์วิเวการาม หรือ วัดใต้น้ำ แห่งนี้ มีสถานที่ตั้งอยู่บนเนินสูง ที่เรียกกันว่า สามประสบ

บอกเลยว่าชั่วโมงนี้ ใครต่อใครที่ได้มีโอกาสไปเที่ยว สกลนคร ต่างต้องพากันแวะไปเยี่ยมชมความสวยงามที่วัดแห่งนี้กันกับ วัดถ้ำผาแด่น สุดอันซีน ซึ่งเป็น วัดสวย สกลนคร ที่ห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวงเลยครับ และในวันนี้เราจะพาทุกท่านไปทำความรู้จักกับ วัดดัง สกลนคร แห่งนี้ว่าจะมีความสวยสดและงดงามขนาดไหน ทำไมใครๆต่างก็อยากที่จะไปกันครับ วัดถ้ำผาแด่น จังหวัดสกลนคร วัดถ้ำผาแดน เป็นวัดราษฎร์สังกัดคณะสงฆ์ฝ่ายมหานิกาย ตั้งอยู่ในตำบลดงมะไฟ อำเภอเมืองสกลนคร จังหวัดสกลนคร ประวัติและความเป็นมา วัดถ้ำผาแดน ได้รับการตั้งให้เป็นวัดเมื่อปี พ.ศ. 2483 และได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561 เชื่อว่าเป็นสถานที่ที่หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโตและคณะครูบาอาจารย์สายวัดป่ากรรมฐานเคยธุดงค์มาปักกลด บำเพ็ญเพียร เมื่อประมาณ พ.ศ. 2483 ต่อมาในปี พ.ศ. 2550 เจ้าอาวาสวัด คือ พระอาจารย์ปกรณ์ กนฺตวีโร ได้ทำการพัฒนาวัดให้เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรม รวมถึงเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงธรรมะ อีกด้วยครับ ความน่าสนใจภายในวัด หน้าผาพญาครุฑ เป็นจุดที่สนใจคือ หลังจากที่เราลงจากรถรับส่งแล้ว สิ่งแรกที่เราจะเจอนั่นคือ หน้าผาพญาครุฑ ซึ่งเป็นการแกะสลักหินเป็นรูปพญาครุฑองค์ใหญ่มาก โดยช่างที่แกะสลักมาจากช่างที่มีฝีมือจากอำเภอนาคู จังหวัดกาฬสินธุ์นั่นเอง ด้านบนหน้าผามีการจำลองเจดีย์ชเวดากองจากพม่า มาด้วย พระพุทธมหาราชานาคาบรีรักษ์ เป็นประติมากรรมปางนาคปรก 7 เศียร สวยงามมากครับ จุดถ่ายรูปคือ ชั้นลอย ซึ่งบริเวณชั้นลอยมีกิจกรรมให้ทำที่น่าสนใจด้วยนะครับ นั่นคือ ใส่บาตรเงิน ซึ่งจะมีบาตรอยู่ตรงกลางรอยพระพุทธบาท แต่ละบาตรก็จะเขียนคำเอาไว้ให้เราอธิษฐานแล้วเอาเงินโยนลงไป เช่น ความรัก เลื่อนตำแหน่ง สุขภาพ เป็นต้น จุดนี้บอกเลยทุกคนต้องไปให้ได้สักครั้ง และถ้าเดินลงไปสักการะพระพุทธมหาราชานาคาบรีรักษ์ด้านล่างตรงลานนาคราช อีกจุดนึงที่ทุกคนมองข้ามและไม่ค่อยจะรู้กัน นั่นคือ การอธิษฐานและเดินลอดท้องพญานาค อันนี้คือดีมาก พญาเต่าภูผาแด่น มหาโพธิสัตว์ เป็นอีกหนึ่งจุดที่เพิ่งสร้างเสร็จในปี 2563 เป็นพญาเต่าภูผาแด่น จุดนี้ก็ดีเช่นกันครับ สามารถมาขอพรกันได้ครับ องค์ท่านจะหันหน้าออกไปทางหน้าผาครับ ความสวยงามไม่แพ้กันกับจุดเมื่อกี้เลยน้า แต่พญาเต่าภูผาแด่นจะพีคตรงที่ว่าถ้าเราจะขอพร เราสามารถขอพรด้วยการหย่อนเงินลงไปในรูหูของพญาเต่าและกระซิบบอกท่านว่าจะขออะไร โดยไม่ต้องปิดหูอีกข้าง

ตารางการแข่งขัน กีฬาโอลิมปิก ครั้งที่ 33 หรือ โอลิมปิก2024 ที่เหลือระหว่างวันที่ 30 กรกฎาคม – 11 สิงหาคม 2567 ซึ่งได้จัดขึ้นที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ใน Olympic Gams ส่วนกีฬาชนิดไหนมีแข่งกันวันไหนบ้าง และสถานที่จัดการแข่งขันเป็นที่ไหนบ้าง รวมไปถึงวันไหนมีจัดแข่งขันกีฬาอะไรกันบ้าง เพื่อไม่ให้พลาดทุกการแข่งขันกีฬาที่คุณรอคอย มาเช็กและบุคมาร์คกันไว้ได้เลย ตารางแข่งโอลิมปิก2024 แต่ละวันแข่งอะไรบ้าง โปรแกรมการแข่งขัน วันอังคารที่ 30 กรกฎาคม 2567 โปรแกรมการแข่งขัน วันพุธที่ 31 กรกฎาคม 2567 โปรแกรมการแข่งขัน วันพฤหัสบดีที่ 1 สิงหาคม 2567 โปรแกรมการแข่งขัน วันศุกร์ที่ 2 สิงหาคม 2567 โปรแกรมการแข่งขัน วันเสาร์ที่ 3 สิงหาคม 2567 โปรแกรมการแข่งขัน วันอาทิตย์ที่ 4 สิงหาคม 2567 โปรแกรมการแข่งขัน วันจันทร์ที่ 5 สิงหาคม 2567

วันนี้ลองตามเรามาเที่ยว วัดสวย นนทบุรี ชมพระปรางค์เอน โบราณสถานเก่าแก่ ที่ วัดปรางค์หลวง วัดเก่าแก่ที่สุดในจังหวัดนนทบุรี ที่ทรงคุณค่า และสร้างมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานีเลยทีเดียวครับ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งในโบราณสถานใกล้ ๆ กรุงเทพมหานคร ที่มีความน่าสนใจไม่ใช่น้อย เพราะฉะนั้น ขอให้ตามเรามาเที่ยวชม วัดดัง นนทบุรี แห่งนี้กันเลยครับ  วัดปรางค์หลวง จังหวัดนนทบุรี ประวัติและความเป็นมา วัดปรางหลวง มีสถานที่ตั้งอยู่ภายใน อำเภอบางใหญ่ จังหวัดนนทบุรี จังหวัดนนทบุรี เป็นวัดเก่าแก่ที่มีอายุมากกวา 100 ปี วัดนี้สันนิษฐานว่าสร้างใน สมัยของสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 หรือ พระเจ้าอู่ทองแห่งกรุงศรีอยุธยาตอนต้น ประมาณปี พ.ศ .1890 เดิมชื่อว่า ” วัดหลวง ” ต่อมาสมเด็จพระมหาสมณเจ้ากรมพระยาวชิรญาณวโรรส สมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ 10 แห่งกรุง รัตนโกสินทร์ ทรงเสด็จมาเห็นองค์พระปางที่สร้างขึ้นไว้พร้อมกับการสร้างวัด จึงได้เปลี่ยนชื่อให้เป็น ” วัดปรางหลวง ” เพื่อให้มีความสอดคล้องกับพระปรางค์ที่มีอยู่ นั่นเองครับ สำหรับปูชนียวัตถุมีพระประธานในอุโบสถ์อุโบสถเดิม นามว่า ” หลวงพ่ออู่ทอง ” เป็นพระพุทธรูปปูนปั้นปิดตาปางมารวิชัยหน้าตัก

สายบุญทุกท่าน วันนี้เราอยากให้ตามไปเที่ยวไหว้พระ เสริมดวง กันที่ วัดดังใกล้กรุงเทพ กันหน่อยครับ กับวัดที่มีชื่อว่า วัดบัวขวัญ ซึ่งถือว่าเป็น วัดสวย ของ จังหวัดนนทบุรี ที่น่าไปมาก ๆ อีกแห่งเลยครับ เพราะฉะนั้นอย่าได้รอช้า รีบตามเราไปชมอุโบสถสวย ๆ ไหว้สักการะขอพรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์พร้อม ๆ กันที่ วัดดัง นนทบุรี แห่งนี้เลยครับ  วัดบัวขวัญ จังหวัดนนทบุรี ประวัติและความเป็นมา วัดบัวขวัน ตั้งอยู่ใน อำเภอเมืองนนทบุรี จังหวัดนนทบุรี เป็นวัดเก่าแก่ที่มีประวัติความเป็นมา ตั้งแต่สมัยเป็นสำนักสงฆ์ในรัชสมัยรัชกาลที่ 5 แล้ว ซึ่งในปัจจุบันนี้ก็กลายมาเป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดสามัญ โดยในช่วงสมัยรัชกาลที่ 5 นั้นจะเป็นเพียงแค่สำนักสงฆ์กลางนา พอเริ่มมีพระสงฆ์อยู่จำพรรษา ก็เริ่มพัฒนามาเป็นวัด ยุคสมัยแรกๆ มี พระครูปรีชาเฉลิม หรือ หลวงปู่แฉ่ง วัดเฉลิมพระเกียรติวรวิหารเป็นผู้ริเริ่มสร้างวัดขึ้น และได้บูรณปฏิสังขรณ์ถาวรวัตถุ พัฒนาวัดเจริญเรื่อยมาจนมีผู้มีจิตศรัทธาบริจาคที่ดินวัดเพิ่ม คือ นายบัว ฉุนเฉียว เป็นผู้บริจาคที่ดิน ซึ่งก็ได้รับอนุญาตให้สร้างขึ้นเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน ปีพ.ศ.2435 นั่นเอง ในสมัยก่อนนั้น วัดนี้จะชื่อว่า วัดสระแก เวลาต่อมาได้เปลี่ยนมาเป็นชื่อ วัดบัวขวัน แทนครับ เพื่อให้การเป็นเกียรติแก่ นายบัว

วันนี้เราจะมาพาทุกท่านไปเที่ยวไหว้พระ หลวงพ่ออู่ทอง กันที่ วัดเขาทำเทียม จังหวัดสุพรรณบุรี นอกจากพระพุทธรูปแกะสลักหินแล้ว ยังมีสกายวอล์กให้ได้เดินชมวิวเพลิน ๆ เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์กน่าเที่ยว ได้ทั้งบุญและได้รูปสวยลงโซเชียล บรรยากาศจะเป็นยังไง น่าเที่ยวแค่ไหน ตามมาดูกันเลย วัดเขาทำเทียม (หลวงพ่ออู่ทอง) จังหวัดสุพรรณบุรี วัดเขาทำเทียม เป็นวัดราษฎร์สังกัดคณะสงฆ์ฝ่ายมหานิกาย ตั้งอยู่ในตำบลอู่ทอง อำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี โดยทางวัดได้รับอนุญาตตั้งวัดเมื่อ พ.ศ. 2460 ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อปี พ.ศ. 2471 ประวัติและความเป็นมา วัดเขาทำเทียม นั้นว่าถือเป็นหนึ่งในวัดที่มีชื่อเสียงมาก ๆ ของจังหวัดสุพรรณบุรี เลยครับ โดยภายในวัดแห่งนี้ เราจะได้เห็นความอันซีนแบบอลังการ ไปกับพระพุทธรูปแกะสลักหน้าผาที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน ซึ่งก็คือ พระพุทธปุษยคีรีศรีสุวรรณภูมิ หรือที่เรียกง่าย ๆ กันว่า หลวงพออู่ทอง ที่ได้ถุกสร้างขึ้นมาในพื้นที่ของเหมืองหินเก่าที่รกร้าง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นอุทยานพระพุทธศาสนา และยังเป็นศูนย์กลางพระพุทธศาสนาของเมืองสุพรรณบุรี อีกด้วยครับ สำหรับความยิ่งใหญ่ของพระพุทธปุษยคีรีศรีสุวรรณภูมินั้น ได้สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับผู้ที่เดินทางมาเยือนกันเป็นอย่างมาก อีกทั้งบริเวณด้านหลังองค์พระได้มีการเจาะอุโมงค์เข้าไปในหน้าผา และมีพระพุทธรูปรวมถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ ประดิษฐานไว้ให้ได้สักการะกราบไหว้กันอีกด้วย ความน่าสนใจภายในวัด และสิ่งที่พลาดไม่ได้เป็นอันขาดเมื่อมาถึงที่นี่ ก็คือ กาเที่ยวรชมความงามและกราบไหว้สักการะพระพุทธรูปองค์ใหญ่ หลวงพ่ออูทอง, เดินเที่ยวชมแอ่งน้ำ ภูเขาหิน และอุโมงค์ ซึ่งต้องบอกเลยว่า มีพื้นที่กว้างขวางมาก ๆ

วัดถ้ำเชตวัน หรือ พุทธสถานถ้ำเชตวัน หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า วัดครูบาน้อย เป็น 1 ใน 25 Unseen New Chapters ซึ่งกลายเป็นที่สนใจของสายบุญและสายมูอีกแห่งของ จังหวัดน่าน เลยครับ และในวันนี้เราจะพาไปตามรอยไปเพื่อชมความงดงามของ วัดถ้ำเชตวัน หนึ่งใน วัดสวย เมืองน่าน แห่งนี้กันครับ พร้อมไปทำความรู้จักกับสถานที่นี้กันให้มากยิ่งขึ้น พุทธสถานถ้ำเชตวัน แห่งนาน้อย ประวัติและความเป็นมา วัดถ้ำเชตวัน ตั้งอยู่กลางหุบเขาในพื้นที่บ้านเชตวัน ตำบลสันทะ อำเภอนาน้อย จังหวัดน่าน ห่างจากตัวอำเภอนาน้อยประมาณ 30 กิโลเมตร เป็นสถานที่ที่ ครูบาน้อย เกจิชื่อดังแห่งเมืองน่าน เดินทางเข้าไปปฏิบัติธรรมอยู่ในถ้ำเป็นเวลา 3 ปี 3 เดือน 3 วัน ส่งผลให้ วัดถ้ำเชตวัน กลายเป็นหมุดหมายของนักเดินทางสายบุญ ที่ต่างแวะเวียนกันมาค้นหาปริศนาธรรมในถ้ำ ทั้งศึกษาและปฏิบัติ หลายคนตั้งใจมาสักการะองค์พระธาตุอินแขวน รวมถึงขอพรจากพระเจ้าทันใจ โดยสามารถท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปี ความน่าสนใจภายในวัด สำหรับภายใน วัดถ้ำเชตวัน แห่งนี้ จะมีพุทธศาสนสถานที่เป็นศิลปะแบบล้านนา รวมถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์อันเป็นที่เคารพบูชาอยู่มากมายเลยครับ โดยไฮท์ไลท์ต่าง ๆ นั้นจะมีดังนี้ พระวิหาร : ภายในเป็นที่ประดิษฐานของ พระพุทธรูปปางมารวิชัยองค์ใหญ่ ที่เปิดให้ผู้เดินทางไปกราบไหว้ สามารถถวายสังฆทานหรือเครื่องไทยทานต่าง

หลวงพ่อวัดปากน้ำ ซึ่งอยู่ภายใน วัดปากน้ำภาษีเจริญ นั้นเป็นวัดชื่อดังของ กรุงเทพฯ ซึ่งมีความเก่าแก่ ด้วยอายุกว่า 300 ปี ถูกสร้างขึ้นมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาตอนกลาง จึงเป็นเสมือนกับศูนย์รวมจิตใจของผู้คนในย่านภาษีเจริญมาอย่างยาวนาน ด้วยตำแหน่งที่ตั้งอยู่บริเวณปากคลองด่านเชื่อมกับคลองบางกอกใหญ่ เลยเรียกกันว่า วัดปากน้ำ นั่นเอง และในวันนี้ วัดสวยเมืองไทย จะพาไปทำความรู้จักกับ วัดปากน้ำภาษีเจริญ ให้มากยิ่งขึ้นเองครับ วัดปากน้ำภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร ประวัติและความเป็นมา วัดปากน้ำภาษีเจริญ นั้นเป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดสามัญ ถูกสร้างขึ้นมาเมื่อสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนกลาง ในจดหมายเหตุสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ได้ทำการระบุเอาไว้ว่า สมัยรัชกาลที่ 1 พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ได้ทรงเสด็จพระราชดำเนินทางชลมารคถวายผ้าพระกฐินหลวง ณ วัดปากน้ำ ซึ่งต่อมาในรัชกาลที่ 3 พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว พระองค์ได้มีการบูรณปฏิสังขรณ์ใหญ่ วัดปากน้ำ ช่วงต้นของกรุงรัตนโกสินทร์ แต่ยังคงรูปแบบสถาปัตยกรรมสมัยกรุงศรีอยุธยาไว้คงเดิม และได้มีการบูรณปฏิสังขรณ์อีกครั้งในสมัยรัชกาลที่ 5 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พอมาถึงช่วงสมัยของรัชกาลที่ 6 วัดนี้ก็ได้เกิดการชำรุดทรุดโทรมอย่างเห็นได้ชัด รวมถึงยังไม่มีเจ้าอาวาสที่มาคอยดูแล ทางเจ้าคณะปกครองจึงได้ส่ง พระสมุห์สด จนฺทสโร หรือ หลวงพ่อสด ซึ่งท่านจำพรรษาอยู่ที่วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ให้มาดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาสวัดปากน้ำ เมื่อปี พ.ศ. 2459 จนทำให้วัดกลายเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวพุทธตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาครับ ความน่าสนใจของวัดปากน้ำ เขตภาษีเจริญ 1. ไหว้หลวงพ่อสด หรือ

วันนี้เราจะพาทุกท่านไปเที่ยวไหว้พระ ตามรอยสายมู ทางด้านความเชื่อในเรื่องความมหัศจรรย์และความศักดิ์สิทธิ์ของ หลวงพ่อทองสุขสัมฤทธิ์ กันที่ วัดตูม พรนครศรีอยุธยา ที่มีเรื่องน่าอัศจรรย์ ก็คือ .มีน้ำศักดิ์สิทธิ์ผุดขึ้นมาจากเศียรพระพุทธรูปที่เปิดเศียรได้ หลายคนอาจรู้จักอยู่แล้ว หรือว่าเคยได้ไปสักการะท่านกันมาแล้ว วันนี้เราจะพาไปตามรอย เกี่ยวกับเรื่องนี้กันที่วัดดัง พระนครศรีอยุธยา แห่งนี้กันครับ วัดตูม จังหวัด พระนครศรีอยุธยา วัดตูม ตั้งอยู่ริมถนนสายประตูชัย อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นวัดที่สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา โดยใช้เป็นที่สำหรับลงเครื่องพิชัยสงคราม วัดตูมได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์เรื่อยมาและได้รับการยกฐานะขึ้นเป็นพระอารามหลวงในรัชกาลที่ 4 ประวัติและความเป็นมา เป็นวัดโบราณเก่าแก่แห่งหนึ่ง ซึ่งมีสถานที่ตั้งอยู่ภายในจังหวัดพระนครศีอยุธยา และยังถูกจัดให้เป็นอีกหนึ่งในโบราณสถานด้วยครับ จะมีใครเชื่อไหมว่าวัดนี้มีสิ่งมหัศจรรย์ เกี่ยวกับทางด้านความเชื่อมาช้านาน เกี่ยวกับเรื่องทางด้านน้ำมนต์ น้ำศักดิ์สิทธิ์ แต่แทบไม่ได้มีการโปรโมทอย่างเป็นทางการเหมือนวัดอื่นๆในตัวจังหวัดสักเท่าไหร่ ซึ่งส่วนใหญ่จะรู้กันจากการเล่าสู่กันฟังปากต่อปากกัน ซึ่งเราก็รู้จักที่นี่จากคนรุ่นเก่าๆ พาแม่เรามาอีกที แต่ช่วงหลังก็เริ่มมีบางรายการมาถ่ายทำบ้างแล้ว ความน่าสนใจภายใน หลวงพ่อทองสุขสัมฤทธิ์ “หลวงพ่อทองสุขสัมฤทธิ ” เป็นพระพุทธรูปสัมฤทธิ์ทรงเครื่อง ปางมารวิชัย โดยจะทรงเครื่องแบบกษัตริย์ สวมมงกุฎ และมีกุณฑลทับทรวง พร้อมด้วยสังวาลพาหุรัดประดับด้วยเนาวรัตน์ โดยจะมีขนาดหน้าตักกว้าง 87 เซนติเมตร และสูง 1.50 เมตร สำหรับพระพุทธรูปองค์นี้จะมีลักษณะพิเศษอยู่คือ พระเศียรตอนเหนือพระนลาฎ (หน้าผาก) สามารถเปิดออกได้และพระเกศมาลาถอดได้ ซึ่งภายในพระเศียรที่เป็นบ่อกว้างลึกจนถึงพระศอ จะมีน้ำไหลซึมออกมาตลอดเวลา และเป็นน้ำใสเย็นที่ไม่เคยแห้ง เล่ากันว่า สมเด็จพระนเรศวรมหาราช