Uncategorized

วันนี้เราจะเปิด ดวงราศีพฤษภปี 2567 ตลอดทั้งปีครบทั้ง 12 เดือน ให้แก่ชาวพฤษภ ว่าจะมีทิศทางไปทางไหน ไม่ว่าจะเป็นดวงการเงิน, ดวงการงาน, ดวงความรัก และดวงสุขภาพ ถ้าหากอยากรู้ว่า ดวงชะตาของคนที่เกิดในราศีพฤษนั้นจะเป็นเช่นไร และควรตั้งรับกับปัญหาที่อาจจะเกิดได้อย่างไร ขอเชิญชาวพฤษภ ตรวจดวงรายปี2567 กันได้เลยครับ ดวงราศีพฤษภปี 2567 (14 พฤษภาคม – 14 มิถุนายน) สำหรับปีพ.ศ. 2567 หากสร้างภาพลักษณ์ให้ดูดีมีเสน่ห์ จะกลายเป็นเหมือนกับแม่เหล็กที่คอยดึงดูดให้ใครต่อใครนั้นอยากเข้ามาชิดใกล้อยู่เสมอ และปีนี้โอกาสที่ดาวพฤหัสบดี และดาวนำโชค ที่เข้ามาสถิต ณ ราศีกำเนิดของชาวพฤษภ ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีสำหรับคนที่เกิดในราศีนี้เลยครับ ดวงประจำเดือนมกราคม 2567 ดวงการงาน : ลองก้าวเท้าออกมาจากจุดปลอดภัยดู จะมีโอกาสดี ๆ เข้ามาในเรื่องงานอย่างแน่นอน ดวงการเงิน : การหายรายได้ให้เพิ่มมากขึ้นได้หรือไม่ นั้นขึ้นอยู่กับความสัมพันธ์ของคนที่ติดต่อด้วย ดวงความรัก : การปรับเปลี่ยนมุมมองและเปลี่ยนแปลงตนเอง จะช่วยให้คนโสดได้พบเจอกับเนื้อคู่ คนมีคู่ ให้ระวังเรื่องความหึงหวงเอาไว้ ดวงประจำเดือนกุมภาพันธ์ 2567 ดวงการงาน : […]

วัดอรุณราชวราราม ราชวรมหาวิหาร (Wat Arun Ratchawararam Ratchawaramahawihan) หรือที่เรียกกันสั้น ๆ ว่า วัดอรุณฯ เราเชื่อว่าหลายคนน่าจะรู้จักเป็นอย่างดี เพราะเป็นวัดสำคัญคู่บ้านคู่เมืองมาช้านาน แถมยังตั้งเด่นเป็นสง่าริมแม่น้ำเจ้าพระยา จนกลายเป็นสัญลักษณ์ความสวยงามที่ประจักษ์ต่อสายตาชาวโลก อีกทั้งยังเป็นสถาปัตยกรรมที่งดงามประเมินค่าไม่ได้ โดยมีคติความเชื่อที่ว่า หากได้ไปไหว้พระวัดอรุณฯ ชีวิตจะรุ่งโรจน์ทุกคืนวัน วันนี้เราเลยถือโอกาสพาเพื่อน ๆ ไปท่องเที่ยวพร้อมทำความรู้จักกับวัดอรุณ ราชวรมหาวิหาร ให้มากขึ้นกัน วัดอรุณราชวราราม ราชวรมหาวิหาร ประวัติและความเป็นมา วัดอรุณฯ นั้นเป็นวัดโบราณที่มีอยู่มาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา โดยแรกเรียกว่า วัดมะกอก ซึ่งมีเรื่องเล่าว่า เมื่อครั้งพระเจ้าตาก (สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช) ท่านทรงนำกองทัพมาเพื่อเลือกชัยภูมิในการก่อสร้างราชธานีใหม่ โดยพระองค์ทรงเสด็จฯ ถึงวัดมะกอกในเวลารุ่งแจ้ง เมื่อทรงได้สถาปนากรุงธนบุรีเป็นราชธานี ท่านจึงทรงปฏิสังขรณ์พระอารามแห่งนี้ และทำการสถาปนาให้เป็นพระอารามหลวง จากนั้นพระราชทานนามว่า วัดแจ้ง ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร (พระแก้วมรกต) ที่ได้ทำการอัญเชิญมาจากเวียงจันทน์  ในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช (รัชกาลที่ 1 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์) ทรงสถาปนาพระอุโบสถและพระวิหารหลังใหม่ พร้อมทั้งอัญเชิญพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากรมาประดิษฐานที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม แต่ยังไม่ทันแล้วเสร็จพระองค์ก็เสด็จสวรรคต หลังจากนั้นในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย (รัชกาลที่ 2) จึงทรงดำเนินการปฏิสังขรณ์ต่อ และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามว่า วัดอรุณราชธาราม

วันนี้จะแวะมาเที่ยว วัดไร่แตงทอง ใกล้ ๆ กรุงเทพ กันที่ จังหวัดนครปฐม กันหน่อยดีกว่า และก่อนเราจะไปทัวร์ที่อื่น ๆ ในนครปฐมนั้น ก็ควรเริ่มต้นด้วยสิ่งดี ๆ อย่างการไปไหว้พระ เพื่อเสริมสิริมงคล กันสักหน่อย วัดดังนครปฐม จึงตรงมาที่ วัด ไร่แตงทอง กันก่อนเลย ซึ่งเราเชื่อว่าสายมูและสายทำบุญหลาย ๆ คนนั้น น่าจะเคยได้ยินชื่อเสียงของ หลวงปู่หลิว และ พญาเต่าเรือน กันมาไม่มากก็น้อยอย่างแน่นอน เพราะฉะนั้นหากใครยังไม่เคยได้ไปสักการะกราบไหว้ วันนี้เราจะพาไปขอพร เสริมบุญกันเองครับ วัดไร่แตงทอง นครปฐม วัด ไร่แตงทอง เป็นวัดชื่อดัง ที่ตั้งอยู่ใน อำเภอกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม โดยใช้เวลาการเดินทางจากกรุงเทพ ฯ แค่เพียง 1 ชั่วโมงครึ่งเท่านั้นเอง ส่วนไฮไลท์ของวัดนี้จะอยู่ที่ รูปปั้น หลวงปู่หลิว ที่นั่งอยู่บนหลัง พญาเต่า เรือนองค์ใหญ่ โดยที่จะมีขนาดความสูงถึง 8.5 เมตรเลยทีเดียวครับ ซึ่งผู้คนก็มักจะนิยมมากราบไหว้ขอพรกันเป็นจำนวนมาก และยังมีความเชื่อกันอีกว่า การได้ลอดใต้ท้องพญาเต่าเรือน นั้นจะช่วยทำให้มีอายุยืนเหมือนเต่า ร่างกายจะแข็งแรง และหายจากโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ และอีกสิ่งหนึ่งที่เหล่าสายบุญทั้งหลายต้องห้ามพลาด ก็คือ วัตถุมงคลของ วัด ไร่แตงทอง

ถ้าพูดถึงพระเครื่องที่มีชื่อเสียงโด่งดัง และยอดนิยมมากๆ จะต้องมี พระนางพญา ที่มีต้นกำเนิดมาจาก วัดนางพญา ซึ่งเป็นวัดดังของ จังหวัดพิษณุโลก อย่างแน่นอนครับ แน่นอนว่า หลายคนอาจจะรู้จักแค่เพียงพระเครื่องเท่านั้น แต่อาจจะไม่เคยได้ไปเยือน วัดนาพญา แห่งนี้กันอยู่เยอะพอสมควร เพราะฉะนั้นวันนี้ วัดสวยเมืองไทย จะพาทุกท่านไปเที่ยวชมวัดแห่งนี้ พร้อมทำความรู้จักกับ พระนางพญา กันเองครับ วัดนางพญา จังหวัดพิษณุโลก วัดดัง ที่ไม่ควรพลาด วัดนางพญา เป็นวัดดัง ของจังหวัดพิษณุโลก ถูกสร้างขึ้นในสมัยสุโขทัย เป็นวัดสำคัญที่บรรดาเกจิพระเครื่องบ้านเรานั้นจะรู้จักกันเป็นอย่างดี เพราะมีสุดยอดพระที่เป็นหนึ่งในชุดเบญจภาคี ที่ขนานนามว่า พระนางพญา โดยมีการพบกรุพระเครื่องครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2444 โดยพระนางพญาก็เป็นที่เลื่องลือถึงความศักดิ์สิทธิ์และมีชื่อเสียงในด้านเมตตามหานิยม ประวัติและความเป็นมาของวัด เพราะเหตุใด วัดดังเมืองพิษณุโลก แห่งนี้ ถึงเรียกชื่อว่า “วัด นางพญา” อาจมีสาเหตุมาจากที่พระนางวิสุทธิ์กษัตริย์ พระองค์ท่านทรงประทับที่เมืองพิษณุโลก ด้วยศักดินาแห่งพระองค์สูงกว่าคนทั้งปวงที่อยู่ภายในเมือง ฝ่ายเหนือ จึงเปรียบเสมือน “นางพญาผึ้ง” ซึ่งเป็นใหญ่กว่าเหล่าผึ้งทั้งปวง ซึ่งจากจุดนี้จึงน่าจะเป็นเหตุผลที่ชื่อวัดเป็น “นางพญา” แล้วไปดูวิหารเล็กกว่าวัดราชบูรณะหน่อยหนึ่ง พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้เสด็จมา วัดนางพยา ครั้งทรงเสด็จเมืองพิษณุโลก เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ.2444 (ร.ศ.120) ฉบับที่ 12

วันนี้เราจะพาสายบุญไปกราบไหว้สักการะ “วัดพระธาตุศรีสองรัก“ วัดศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่คู่บ้านคู่เมืองของชาวอำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย ที่มีอายุยาวนานมากถึง 400 กว่าปีกันสักหน่อยครับ เพราะเป็นอีกหนึ่งวัดจะที่ต้องมากราบไหว้สักการะขอพร เมื่อได้มาเยือนจังหวัดเลยกันครับ และเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา รีบตาม วัดดังจังหวัดเลย ไปดูกันดีกว่าว่าความเป็นมา และความงามของวัดนี้จะเป็นอย่างไร วัดพระธาตุศรีสองรัก “วัดพระธาตุ ศรีสองรัก” นั้นตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำหมัน บ้านหัวนายูง ต.ด่านซ้าย อ.ด่านซ้าย จ.เลย ซึ่งจะอยู่ห่างจากตัวเมืองจังหวัดเลยประมาณ 83 กิโลเมตร ถือได้ว่าเป็นวัดที่มีความเก่าแก่ และมีความศักดิ์สิทธิ์เป็นอย่างมาก จึงกลายเป็นสถานที่ ที่ทั้งเหล่าสายบุญและนักท่องเที่ยวที่มีโอกาสได้เดินทางมาเที่ยวจังหวัดเลย จะต้องแวะมากราบไหว้ขอพรต่อองค์พระธาตุศรีสองรัก ที่เป็นดั่งสัญลักษณ์ของเมืองเลยกันทั้งนั้น นอกจากนี้ยังอยู่ใกล้ ๆ กับสถานที่เที่ยวยอดฮิตอย่าง ภูเก้าง้อม นาแห้ว อีกด้วย เมื่อเรามาถึงที่ “วัดพระธาตุ ศรีสองรัก” จะสามารถเข้าได้ 2 ทาง นั่นก็คือทางด้านหน้า และทางด้านหลัง ใครที่เข้าจากด้านหน้าก็จะได้เดินขึ้นบันไดสักเล็กน้อยครับ และจะเห็นป้ายชื่อวัดที่สามารถมองผ่านประตูทางเข้าและจะทำให้เห็นภูเขา ส่วนใครที่เข้ามาจากด้านหลังก็สามารถเดินเข้าประตูวัดไปได้เลยครับ เมื่อเข้ามาด้านในแล้วอย่าลืมถอดรองเท้ากันด้วยครับ โดยรอบ ๆ บริเวณภายในพระธาตุศรีสองรัก นั้นจะให้ความรู้สึกร่มเย็นเป็นอย่างมาก เพราะได้ร่มเงาของต้นลั่นทม หรือ ลีลาวดี ที่ปลูกอยู่รอบ ๆ นั่นเองครับ สำหรับ วัดพระธาตุศรีสองรัก นั้นเป็น วัดที่ไม่มีพระภิกษุพำนักอยู่ภายในวัด

จังหวัดนครปฐม นั้นเป็นจังหวัดที่มีวัด และปูชนียสถานอยู่หลายแห่งเลยครับ และถ้าให้พูดถึงวัดดังของจังหวัดนี้ คงจะไม่พูดถึง วัดพระปฐมเจดีย์ ก็คงจะเป็นไปไม่ได้ เพราะจัดว่าเป็นสัญลักษณ์ของเมืองนครปฐมแห่งนี้เลยครับ ซึ่งใครที่ได้แวะเวียนมาเที่ยวที่นี่ ต่างก็ต้องพากันเดินทางมากราบไหว้สักการะขอพรกันครับ และในวันนี้ วัดดังประเทศไทย จะมาพาทุกท่านไปเที่ยวชมความสวยงามของวัดแห่งนี้กันเองครับ เที่ยวชมวัดพระปฐมเจดีย์ สัญลักษณ์แห่งเมืองนครปฐม ความเป็นมาวัดพระปฐมเจดีราชวรมหาวิหาร จังหวัดนครปฐม พระปฐมเจดีย์ นั้นจะตั้งอยู่ภายในวัด พระปฐมเจดีย์ราชวรมหาวิหาร ตำบลพระปฐม เจดีย์ อำเภอเมืองนครปฐม จังหวัดนครปฐม ซึ่งปัจจุบันนี้ได้กลาย มาเป็นหนึ่งในปูชนียสถานสำคัญของประเทศไทย ที่ได้ตั้งอยู่ใจกลางเมืองนครปฐมครับ เพราะมีประวัติความเป็นมาอย่างยาวนาน ตั้งแต่ในตอนแผ่นดินสุวรรณภูมิ และที่สำคัญคือยังเป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุขององค์พระโคตมพุทธเจ้าอีกด้วยครับ โดยลักษณะของเจดีย์นั้น วัดสวยนครปฐม จะบอกว่าเป็น พระเจดีย์องค์ขนาดใหญ่ เป็นรูประฆังคว่ำ ปากผายใหญ่ โครงสร้างด้านในนั้น จะเป็นไม้ซุงรัดเอาไว้ด้วยโซ่เส้นใหญ่ก่อนที่จะก่ออิฐถือปูนทับ มีการตกแต่ง และประดับเอาไว้ด้วยกระเบื้องปูทับ โดยจะมีวิหารทั้ง 4 ทิศ และกำแพงแก้วอีกทั้งหมด 2 ชั้นครับ และเป็นพระเจดีย์ทรงลังกาในแบบสุโขทัยครับ สิ่งที่น่าสนใจภายในวัด พระร่วงโรจนฤทธิ์ นั้นเป็นพระพุทธรูปยืนปางประทานอภัย ที่ตั้งประดิษฐานอยุ่ในซุ้มวิหารทางด้านทิศเหนือหน้าองค์พระปฐม เจดีย์ ถูกสร้างขึ้นมาในสมัยรัชกาลที่ 6 โดยได้พระเศียร พระหัตถ์ และพระบาท มาจากเมืองศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย นั่นเองครับ แล้วทรงได้โปรดเกล้าฯ ให้ช่างทำรูปปั้นขี้ผึ้งขึ้นปฏิสังขรณ์ให้บริบูรณ์เต็มองค์พระ

ใครที่มองหาสถานที่เที่ยวไหว้พระไม่ห่างจากกรุงเทพ และใช้เวลาขับรถเพียงไม่นานอย่าง วัดทับกระดาน จังหวัดสุพรรณบุรี ถือว่าเป็นเมืองที่น่าเที่ยวอีกแห่งหนึ่ง เพื่อเดินทางไปเยือนถิ่นกำเนิด ราชินีลูกทุ่ง พุ่มพวง ดวงจัทร์ หากใครที่เป็นแฟนเพลงลูกทุ่งกันอยู่ ไม่ว่าจะยุคเก่าหรือยุคใหม่ เชื่อว่าจะต้องรู้จัก วัดดังสุพรรณบุรี แห่งนี้อย่างแน่นอน อีกทั้งยังได้ไหว้พระขอพร เพื่อเสริมความปังให้แก่ชีวิตอีกด้วยครับ เพราะฉะนั้นสายบุญห้ามพลาดเป็นอันขาด ไหว้พระสุพรรณบุรี วัดทับกระดาน  วัดทับกระดาน นั้นตั้งอยู่ใน อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี นั้นมีสายบุญหลายคน ต่างพากันเดินทางมาเยือน เพราะชวนให้นึกถึง ราชินีลูกทุ่ง พุ่มพวง ดวงจันทร์ ผู้ซึ่งเป็นที่ชื่นชอบและชื่นชมของชาวไทยเรา โดยที่วัดแห่งนี้ยังได้เก็บข้าวของต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องของคุณพุ่งพวง ไว้เป็นอย่างดี เพื่อให้ผู้ที่เดินทางมาแวะเวียนมาระลึกถึงกันครับ เนื่องจากที่อำเภอแห่งนี้เป็นบ้านเกิดของคุณพุ่มพวง นั่นเองครับ ที่มีความคุ้นเคยกับวัดแห่งนี้มาตั้งแต่เด็กนั่นเองครับ โดยในทุก ๆ วันที่ 13 เดือนมิถุนายน ในทุก ๆ ปี ซึ่งเป็นวันครบรอบการเสียชีวิตของคุณพุ่มพวง ดวงจันทร์ โดยทางวัดจะมีการจัดงานรำลึกถึงอยู่เรื่อยมาตั้งแต่ปีพ.ศ. 2536 ส่วนทางวัดนั้นได้เก็บเอาเสื้อผ้าข้าวของเครื่องใช้ ที่คุณพุ่มพวง เคยใช้ในการร้องเพลง รวมไปจนถึงรูปภาพต่าง ๆ จากหน้าหนังสือพิมพ์เอาไว้ภายในโบสถ์ของวัด และบริเวณศาลาท่าน้ำนั้นจะมีรูปวาดของคุณพุ่มพวง ที่มีผู้คนนำมาให้เพื่อแก้บน เมื่อได้สิ่งที่ขอเอาไว้ ส่วนศาลาริมสระน้ำได้มีการสร้างหุ่นพุ่มพวงเอาไว้ ให้ได้คลายความคิดถึงกันอีกด้วยครับ ประวัติความเป็นมาของวัด

หากเมื่อพูดถึงชื่อของ “วัดเล่งเน่ยยี่” หรือ “วัดมังกรกมลาวาส“ เป็นที่แน่นอนว่าใครหลาย ๆ คนคงเคยได้ยิน เพราะวัดเล่งเน่ยยี่นั้นเป็นหนึ่งในวัดดังที่อยู่ภายในกรุงเทพฯ ที่เหล่านักแสวงบุญ สายมู ไม่ว่าจะเป็นชาวไทยและชาวจีน ต่างพากันแวะเวียนมากราบไหว้ขอพรกันอยู่เสมอทุกวัน อีกทั้งวัดเล่งเน่ยยี่ยังเป็นอีกหนึ่งในสถานที่ผู้คนพากันมาไหว้สะเดาะเคราะห์ สำหรับผู้ที่เกิดปีชงในแต่ละปีอีกด้วยครับ วันนี้เราจึงรวบรวมเอาความรู้เกี่ยวกับ วัดดังกรุงเทพ มาให้เพื่อน ๆ ได้ทราบกัน ความเป็นมาของวัดเล่งเน่ยยี่ หรือ วัดมังกรกมลาวาส วัดเล่งเน่ยยี่ ได้ถูกก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2414 (ค.ศ. 1871) ซึ่งใช้เวลาในการสร้างมากกว่า 8 ปี จึงทำให้วัดแห่งนี้เสร็จสมบูรณ์ โดยภายในวัดได้มีการออกแบบสถาปัตยกรรมแบบจีนตอนใต้ ตามแบบฉบับของช่างสกุลแต้จิ๋ว โดยเน้นการวางแปลนตามแบบวัดหลวงจีน คือมีวิหารท้าวจตุโลกบาลเป็นวิหารแรก ส่วนตรงกลางเป็นพระอุโบสถ ข้างหลังพระอุโบสถเป็นพระวิหารเทพเจ้า การสร้างใช้ไม้และอิฐเป็นวัสดุหลัก ปัจจุบัน “วัดเล่งเน่ยยี่” จึงกลายเป็นศูนย์กลางในการจัดงานของชาวจีนและชาวไทยเชื้อสายจีนในเทศกาลต่าง ๆ ทั้งตรุษจีนและเทศกาลกินเจ เป็นต้น เมื่อเราเดินเข้าไปภายในวัดจนถึงพระวิหารจะพบ “ท้าวโลกบาล” ที่เป็นเทวรูปเทพเจ้าทั้ง 4 พระองค์ อยู่ในชุดนักรบชาวจีน พร้อมกับถืออาวุธโดยมี พิณ, ดาบ, ร่ม และเจดีย์ ซึ่งชาวจีนนั้นเรียกว่า “ซี้ไต๋เทียงอ้วง” มีความหมายว่า เทพเจ้าที่ปกปักรักษาคุ้มครอง ถัดจากนั้นไปจะเป็นส่วนของ “อุโบสถ” ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งประดิษฐานพระประธานของวัด คือ พระโคตมพุทธเจ้า

วัดหนองพงนก (วัดเจริญราษฎร์บำรุง) ถือว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวใกล้ ๆ กรุงเทพมหานคร โดยเราสามารถเดินทางไปเช้า-เย็นกลับได้อย่างสบาย เป็นวัดที่มีความสวยงามสะดุดตา ประกอบไปด้วยพระพุทธรูปทรงเครื่องพระมหาจักรพรรดิที่มีความวิจิตรศิลป์งดงามบริเวณด้านทางเข้า รวมทั้งภายในอุโบสถยังมีมีพระพุทธรูปปางมารวิชัยหลวงพ่อมงคลนิมิตที่ถือว่าเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ โดยคาดว่ามีการสร้างขึ้นมาในสมัยอยุธยาตอนปลายมีอายุมาประมาณราว 400 กว่าปี เพราะฉะนั้นวันนี้ วัดสวยนครปฐม จะพาทุกท่านไปทำความรู้จักและเที่ยวชมวัดแห่งนี้กันครับ วัดหนองพงนก วัดสวยใกล้กรุงเทพ จังหวัดนครปฐม ประวัติและความเป็นมา ประวัติความเป็นมาของวัดเจริญราษฎร์บำรุงนั้นพระอาจารย์เวียนบอกว่า ชาวบ้านมักเรียกว่าวัดหนองพงนก มากกว่า วัดเจริญราษฎร์บำรุงสังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย ตั้งวัดเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2518 ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อวันที่ 15 มกราคม 2534 เขตวิสุงคามสีมา มีความกว้าง 40 เมตร และความยาว 60 เมตร มีที่ดินตั้งวัดประมาณ 39 ไร่ 1 งาน 9 ตารางวา การก่อสร้างและริเริ่มสร้างวัดโดยผู้ใหญ่ เจริญ เล้าอรุณ เป็นผู้ยกที่ดินให้สร้างวัดเมื่อปี 2518 เมื่อพิจารณาพื้นที่ตรงจุดนี้เห็นว่าเหมาะแก่การสร้างวัด เพื่อเป็นศูนย์รวมจิตใจของพุทธศาสนิกชน ดังนั้นจึงดำเนินก่อตั้งโดยได้รับการสนับสนุนร่วมกันบริจาคทรัพย์สร้างกุฏิ ศาลาการเปรียญ ศาลาอเนกประสงค์

จังหวัดอยุธยา นั้นมีวัดดัง ๆ อยู่มากมาย ซึ่ง วัดท่าการ้อง ถือว่าเป็นหนึ่งในนั้นด้วยเช่นกัน ทุกวันนี้หากคิดเที่ยวไหว้พระ วัดอยุธยา นั้นได้รับความนิยมจากผู้ที่ชื่นชอบการไหว้พระทำบุญเป็นอย่างมาก และในวันนี้เราจะพาทุกท่านไปไหว้พระทำบุญที่วัดแห่งนี้ พร้อมกับทำความรู้จักกับ “วัด ท่าการ้อง” ให้มากยิ่งขึ้นกันเองครับ ประวัติความเป็นมาของ วัดท่าการ้อง วัด ท่าการ้อง โด่งดังจากการเป็นวัดที่เข้าร่วมโครงการทัวร์ทำบุญไหว้พระ 9 วัดประจำจังหวัดพระนครศรีอยุธยา วัดโบราณพุทธสถานมหานิกายที่มีอายุมากกว่า 450 ปีที่ราษฎรยุคต้นกรุงศรีร่วมใจกันสร้างขึ้นมาและถูกพัฒนาอย่างก้าวกระโดดที่สุดในจังหวัดโดยพระครูปลัดประยูรสุทธิปุญโญเจ้าอาวาสวัดองค์ปัจจุบันกับลูกศิษย์วัดพร้อมนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติที่ให้การสนับสนุนมาเป็นอย่างดี ในรัชสมัยร.4 ได้ทำการรวมวัดการ้องซึ่งติดกับวัดท่าเข้าเป็นวัดเดียวกันในบริเวณวัดท่าของปัจจุบันซึ่งติดกับแม่น้ำเจ้าพระยา ปรากฏหลักฐานความสำคัญทางประวัติศาสตร์มากมาย วัดแห่งนี้เคยเป็นค่ายปืนใหญ่ของทัพพม่าสมัยพระเจ้าตะเบ็งชเวตี้จากเสียงปืนที่ดังทำให้นกอีกาที่อยู่บริเวณนี้ตื่นแตกรังจำนวนมาก เคยเป็นค่ายทหารป้อมจำปาพล ของสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ (อ้างอิงจากพงศาวดาร ฉบับราชหัตถเลขาและหนังสือคำให้การชาวกรุงเก่า) มีการถูกกล่าวถึงในเสภาไทยชื่อดังเรื่องขุนช้างขุนแผนว่าวัดนี้เป็นที่บวชของพลายแก้วครั้งถูกจองจำที่อยุธยา จนถึงยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 เคยเป็นพื้นที่โรงเรียนนายร้อยฝ่ายช่างเทคนิครุ่น 10-12 ก่อนจะทิ้งร้างไปพักหนึ่งหลังจบสงคราม ล่าสุดปี พ.ศ. 2549 วัดได้รับรางวัลชนะเลิศสุดยอดส้วมแห่งปีระดับประเทศประเภทวัดและศาสนสถาน (มูนาจำได้ว่าปีนั้นโรงเรียนพามาทัศนศึกษาแล้วยังแอบไปเปิดดูโทรทัศน์ในห้องน้ำวัดเลยค่า) สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่วัด พระพุทธรัตนมงคล (หลวงพ่อยิ้ม) พระพุทธรัตนมงคล นั้นเป็นที่รู้จักกันดีในชื่อ หลวงพ่อยิ้ม ซึ่งเป็นพระประธานที่อยู่ในอุโบสถ ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยต้นกรุงศรีเชื่อกันว่ามีความศักดิ์สิทธิ์ หากเดินทางมากราบไหว้และขอสิ่งใดก็จะสมความปรารถนา โดยปัจจุบันนี้เป็นที่รู้จักมากขึ้นมาในฐานะวัดต้องไปเมื่อถึงอยุธยา โบสถ์เป็นอิฐแดงโบราณอยุธยาปัจจุบันมีการฉาบทับด้วยปูนและทำการตกแต่งด้วยจิรตกรรมผ้าฝาผนังที่ยังคงสามารถเห็นได้จากรอยแตกของปูนและการประดับกระจกกับปูนปั้นซึ่งเป็นศิลปะต้นยุครัตนโกสินทร์และด้านหน้าก็จะมีศาลาการเปรียญเก่าอีกหลังที่เป็นไม้สักสมัยอยุธยา บรรยากาศภายในวัดมีความร่มรื่น ต้นไม้ดอกไม้ประดับ รูปปั้นเณรน่ารัก ๆ มีร่มธงตุงและโคมล้านนาสีสันสดใสแขวนแน่นวัดจนนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นขนานนามว่า วัดแห่งสีสัน บอกได้เลยว่าต้องถูกใจทุกท่านอย่างแน่นอน