Uncategorized

งานประเพณีเวียนเทียนทางน้ำ กว๊านพะเยา เป็นประเพณีที่มีความสำคัญของชาวพะเยา และยังมีความแตกต่างจากการเวียนเทียนในวัดอื่น ๆ อีกด้วยครับ ทำให้ใครหลาย ๆ คนนั้นอยากเดินทางมาร่วมงานเวียนเทียนดังกล่าว ที่ “วัดติโลกอาราม” ซี่งเป็นวัดเก่าแก่ที่เคยจมอยู่กลางน้ำ จนทำให้กลายมาเป็นต้นกำเนิดของพิธีเวียนเทียนเพียงหนึ่งเดียวของโลก ที่ไม่เหมือนใครที่ไหน และได้กลายเป็นสถานที่แหล่งท่องเที่ยว Unseen สุดสำคัญ ของเมืองพะเยา ที่พุทธศาสนิกชนทั่วโลกไม่ควรพลาดเป็นอันขาด ประเพณีเวียนเทียนทางน้ำ กว๊านพะเยา ประวัติ ประวัติของ ประเพณีเวียนเทียน ทางน้ำ มีความเกี่ยวพันกับการสร้างกว๊านพะเยาในปี พ.ศ. 2482 โดยหลังจากที่กรมประมงได้กั้นประตูน้ำเพื่อทำการกักเก็บน้ำจนเกิดเป็นกว๊านพะเยา ซึ่งมีพื้นที่ขนาดใหญ่ จึงทำให้ชุมชนและวัดเป็นจำนวนมากในพื้นที่กักเก็บน้ำต้องจมลงไปอยู่ใต้น้ำ จวบจนกระทั่งในปี พ.ศ. 2526 ได้มีการค้นพบพระพุทธรูปหินทรายปางมารวิชัย ที่มีอายุเก่าแก่กว่า 500 ปี ได้ผุดขึ้นมาในกว๊านพะเยาช่วงน้ำลด ชาวบ้านต่างเรียกพระพุทธรูปองค์นี้ว่า “หลวงพ่อศิลา” (กว๊านพะเยา) หรือ “พระเจ้ากว๊าน” พร้อมกับอัญเชิญมาประดิษฐานที่วัดศรีอุโมงค์คำ จนต่อมาในปี พ.ศ. 2550 หลังจากที่ได้มีการการปรับแต่งบูรณะ วัดติโลกอาราม กลางกว๊านพะเยาจนเสร็จสิ้น ทางจังหวัดพะเยาก็ได้อัญเชิญหลวงพ่อศิลา กลับไปประดิษฐานไว้ในกว๊านพะเยาตามเดิม พร้อมกับได้จัดงานกิจกรรมเวียนเทียนกลางน้ำ บริเวณรอบองค์หลวงพ่อศิลาและวัดติโลกอารามขึ้นเป็นครั้งแรก ในวันอาสาฬหบูชาของปีเดียวกัน และได้มีการปฏิบัติเป็นประเพณีในวันพระใหญ่ ได้แก่ […]

วันนี้เราไปเที่ยว วัดสวย ของ จังหวัดชัยภูมิ กันหน่อยดีกว่า กับวัดที่มีชื่อว่า วัดเขาบังเหยชุมพลสีมาราม เป็นวัดที่มีความสวยงดงามเป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนที่ไหนเลยครับ อีกทั้งยังมีความร่มรื่นเงียบสงบ จนทำให้นอกจากจะเป็นวัดที่คนมาทำบุญกันจำนวนมากแล้ว ก็ยังสามารถเดินทางมา ปฏิบัติธรรม ได้อีกด้วยครับ งั้นลองมาชมความงดงาม วัดดัง ชัยภูมิ แห่งนี้กันเลยดีกว่า วัดเขาบังเหยชุมพลสีมาราม จังหวัดชัยภูมิ ประวัติความเป็นมาของวัด วัดเขาบังเหย เป็นวัดสวย มีสถานที่ตั้งอยู่ภายในหมู่บ้านซับมงคล ตำบลโป่งนก อำเภอเทพสถิต จังหวัดชัยภูมิ วัดนี้ถูกสร้างขึ้นมาเมื่อประมาณ 20 ปีที่แล้ว โดย พระอาจารย์เฉลิมชัย ฐิตตธมโม หรือ พระอาจารย์นก ฐิตตธมโม ซึ่งในสมัยก่อนวัดนี้เป็นแค่โรงเรือนศาลาไม้เท่านั้น แต่ในเวลาต่อมาได้มีการพัฒนาและสร้างสิ่งก่อสร้างอื่น ๆ ขั้นมาไม่ว่าจะเป็น ศาลาปฏิบัติธรรม พระอุโบสถ หอสมาธิ ตลอดไปจน โรงยาสมุนไพร รวมถึงที่พักรับรองเอาไว้รองรับคนมาทำบุญ และมาปฏิบัติธรรมอีกด้วยครับ ในอดีตจากป่าไม้ที่ถูกทำลายจนกลายเป็นภูเขาหัวโล้น พระอาจารย์นก ท่านได้นำศรัทธาญาติโยมมาช่วยกันปลูกต้นไม้ รักษาป่า จนทำให้บริเวณวัดร่มรื่น เต็มไปด้วยแมกไม้นานาพันธุ์ ภายในบริเวณวัดจึงมีสภาพป่าที่มีความอุดมสมบูรณ์ และมีบรรดาสัตว์ป่ามาอาศัยอยู่ อย่างเช่น หมูป่า ลิง ไก่ป่า เต่าภูเขา 6

เชื่อว่าหลายคน คงเคยได้ยินและรู้จักกันมาพอสมควรกับ เทพเจ้าที่ชื่อว่า ฮก ลก ซิ่ว ซึ่งเป็น 3 เทพเจ้าจีนแห่งความมงคล ที่คนจีนต่างให้ความเคารพนับถือกันมาอย่างยาวนาน เป็นเทพเจ้า 3 องค์ ที่จะปรากฎตัวอยู่ด้วยกันเสมอ ตามสถานที่สำคัญต่าง ๆ ไม่ว่าจะวัดจีน บ้าน หรือร้านค้า วันนี้เราช่วยเปิดความเป็นมาขององค์เทพเจ้า ฮก ลก ซิว ว่าแต่ละองค์นั้นท่านมีดีด้านไหนกันบ้างครับ ประวัติความเป็นมาของ เทพเจ้า ฮก ลก ซิ่ว ฮก ลก ซิ่ว ท่านเป็น 3 เทพเจ้าจีน ทั้งยังเป็นสัญลักษณ์แทนความเป็นมงคล 3 ประการของจีน แห่งการอวยพร ในปัจจุบันนี้นิยมสร้างเป็นเทวรูปประดับตั้งวางอยู่ภายในบ้าน อีกทั้งยังนิยมให้เพื่อเป็นของขวัญขึ้นบ้านใหม่ หรือ จะให้เป็นของฝากแก่ผู้ใหญ่ครับ ซึ่ง ฮก ลก ซิว นั้นสามารถตั้งในห้องทำงาน หรือห้องโถง และห้องนั่งเล่น ก็ได้ครับ สถานที่ห้ามตั้งก็คือห้องนอน เพราะไม่เหมาะสม และควรนำไปตั้งแยกไว้จากรูปเคารพอื่น ๆ คือแยกโต๊ะที่วาง ตั้งไว้ในที่เหมาะสม และให้สูงกว่า โต๊ะทำงาน นั่นเองครับ

พระคเณศ หรือ พระพิฆเนศ ถูกยกให้เป็นเทพองค์สำคัญของศาสนาพราหมณ์-ฮินดู ที่ชาวไทยเรานับถือบูชากันเป็นจำนวนมาก กระทั่งได้มีการส่งต่อแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์งานศิลปะ ประติมากรรม นาฏศิลป์ ตลอดไปจนถึงอาร์ตทอยร่วมสมัย รวมทั้งที่เกี่ยวเกี่ยวกับพระคเณศ วันนี้เราเลยจะพาไปดูถึงความเป็นมา เรื่องเล่า ความเชื่อ และตำนานของพระคเณศ กันสักหน่อยครับ โดยส่วนหนึ่งเชื่อว่า พระคเณศ หรือ พระพิฆเนส นั้นเป็นเทพเจ้าผู้ขจัดอุปสรรค เป็นเทพแห่งความสำเร็จ และยังเป็นเจ้าแห่งศิลปะวิทยาการอีกด้วย 10 ข้อควรรู้เกี่ยวกับ พระพิฆเนศ ข้อที่ 1. พระคเณศ : ชื่อนี้มาจากคำว่า “คณปติ” มีความหมายว่า ผู้เป็นใหญ่ในหมู่คณะ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น พระคเณศ ยังเป็นเทพที่มีชื่อเรียกที่แตกต่างกันตามนิกายความเชื่อต่าง ๆ ออกไปมากถึง 108 พระนาม บางพระนามบ่งบอกถึงการกำเนิด บ้างบอกถึงรูปลักษณ์ และบุคลิกภาพของพระองค์ เช่น “เอกทันตะ” หรือ “เอกศฤงคะ” ซึ่งแปลว่า เจ้าผู้มีงาข้างเดียว ข้อที่ 2. ลักษณะ : แม้ พระคเณศ จะถูกออกแบบการสร้างให้มีลักษณะ ท่าทาง สรีระความอ้วน ผอม หรือมีปางที่ได้มีความแตกต่างกันออกไปตามจินตนาการของช่าง ศิลปิน รวมไปถึงความเชื่อ และยุคสมัย

วัดพุทธาธิวาส เป็นอีกหนึ่งในวัดของจังหวัดยะลา ที่น่าสนใจมาก ๆ แถม ยะลา ยังเป็นจังหวัดที่ใครหลาย ๆ คนที่ไปมาแล้ว มักจะแนะนำให้ไปเยือนสักครั้ง ด้วยความที่ว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวของ ภาคใต้ ที่ต้องยกให้เรื่องความสวยงามสุด ๆ อีกแห่งก็ว่าได้เลย เพราะงนอกจากธรรมชาติแล้ว ก็ยังมีวัดที่สวยไม่เหมือนที่ไหนๆ อีกด้วย กับวัดที่มีชื่อว่า วัดพุทธาธิวาต วัดดัง ยะลา แห่งนี้นั่นเองครับ วัดพุทธาธิวาส จังหวัดยะลา วัดพุทธาธิวาศ เป็นพระอารามหลวงชั้นตรีชนิดสามัญ ในคณะสงฆ์ฝ่ายมหานิกาย มีสถานที่ตั้งอยู่ภายในตำบลเบตง อำเภอเบตง จังหวัดยะลา ที่ใครไปยะลา แล้วมักจะแวะเวียนไปกราบไหว้ ขอพร กันครับ ประวัติความเป็นมาของวัด วัดพุทธาธิวาศ ถูกตั้งขึ้นเป็นวัดตั้งแต่เมื่อวันที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2460 ซึ่งจะมีคณะผู้เริ่มต้นดำเนินการ ไ้ดแก่ พระพิทักษ์ธานี (เล็ก) ซึ่งเป็นนายอำเภอเบตง ณ เวลานั้น ร่วมด้วยนายพุ่ม คชฤทธิ์ นายกิมซุ้ย ฟุ้งเสถียร และนายผล สุภาพ ทั้งหมด 4 ท่าน และได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาตั้งแต่เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์

สำหรับสายบุญคนไหนที่ตอนนี้กำลังมองหาสถานที่ไม่ไกลจาก กทม. เพื่อไปทำบุญ ไหว้พระเสริมสิริมงคล วัดแก้วพิจิตร จังหวัดปราจีนบุรี นั้นถือว่าเป็นอีกวัดที่น่าไปอย่างมาก เพราะนอกจากจะเป็นพระอารามหลวงที่มีคุณค่าแล้ว ยังมีความสำคัญต่อ จังหวัดปราจีนบุรี อีกด้วยครับ พร้อมกันนั้นมีสถาปัตยกรรมจากหลากหลายวัฒนธรรมรวมกันไว้ ซึ่งมีความอ่อนช้อย และวิจิตรงดงามมาก ๆ อีกด้วยครับ วันนี้เราเลยจะพาไปเที่ยวไหว้พระ วัดสวย ปราจีนบุรี แห่งนี้กันครับ วัดแก้วพิจิตร จังหวัดปราจีนบุรี ประวัติความเป็นมาของวัด สำหรับ วัดแก้วพิจิต เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดสามัญ ซึ่งจะตั้งอยู่ด้านฝั่งขวาของ แม่น้ำบางปะกง และอยู่บน ถ.แก้วพิจิตร ต.หน้าเมือง อ.เมืองปราจีนบุรี จ.ปราจีนบุรี วัดแห่งนี้เป็นวัดนิกายธรรมยุติแห่งแรกของ จังหวัดปราจีนบุรี สร้างขึ้นเมื่อตอนปี พ.ศ. 2422 โดย นางประมูล โภคา ซึ่งเป็นภรรยาของท่าน ขุนประมูลภักดี ที่ต่อมาปี พ.ศ. 2461 นั้นเองทางด้าน เจ้าพระยาอภัยอุเบศร นั้นทำการบูรณะต่อเติม และได้สร้างพระอุโบสถขึ้นใหม่ โดยให้มีสถาปัตยกรรมที่มีการผสมผสานงานศิลปะจากหลากหลายวัฒนธรรมเข้าไว้ด้วยกัน เรียกว่าความวิจิตรงดงาม และยังมีเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใคร ความน่าสนใจภายในวัด พระอุโบสถ ถ้าถามถึงไฮไลท์ของวัดแก้วพิจิต คงต้องบอกว่าอยู่ที่ พระอุโบสถ นั่นเองครับ ที่มีการสร้างด้วยอิฐสีแดงกับสีชมพู พร้อมตกแต่งไปด้วยลวดลายสวยงามของ 4 วัฒนธรรมเข้าไว้ด้วยกัน ได้แก่ วัฒนธรรมไทย จีน ยุโรป แล วัฒนธรรมเขมร ส่วนรายละเอียดด้านบนหลังคา และตรงบันไดเป็นศิลปะแบบจีน

หากเอ่ยถึง วัดทรงเสวย ขึ้นมาเมื่อไหร่ เชื่อว่าชื่อของ ไอ้ส้มฉุน ที่เป็นวิญาณศักดิ์สิทธิ์ อยู่คู่กับวัดแห่งนี้ ทุกวันนี้ได้กลายเป็นชื่อที่ สายมู และคอหวยทั่วประเทศ ต่างต้องนึกถึงเป็นอันดับแรก ๆ ที่ผู้คนต่างพากันเดินทางมาขอพร ขอโชคลาภและขอเลขเด็ดด้วยการกระซิบข้างหู พร้อมกับถวาย ขนมไพ่ น้ำแดง ช้างปั้น หนังสติ๊ก ชุดเสื้อผ้าสีแดง หรือจะเป็นขนม ลูกอม ส่วนใครที่บนกันไว้ ก็มักจะะแก้บนด้วยการจุดประทัด ซึ่งวันนี้เราจะพาไปทำความรู้จักกับ วัดดัง ชัยนาท และตำนานของ ไอ้ส้มฉุน เด็กวัด กันครับ วัดบ้านหงาว จังหวัดระนอง วัดทรงเสวย มีสถานที่ตั้งอยู่ภายใน อำเภอวัดสิงห์ จังหวัดชัยนาท ซึ่งเราจะเปิดประวัติสิ่งศักดิ์สิทธิ์ “ไอ้ส้มฉุน” ลูกศิษย์ของ หลวงปู่คล้อย เด็กวัดที่ตามประวัติเล่ากันว่าเสียชีวิตเพราะจมน้ำตาย และเมื่อมีคนมาบวชที่วัด ก็มักจะได้เจอและชอบชวนมาเล่นด้วย ทางวัดจึงได้มีการตั้งศาล พร้อมกับทำรูปปั้นไอ้ส้มฉุน และมีการกราบไหว้กันจนมาถึงทุกวันนี้นั่นเอง ประวัติความเป็นมาของวัด แต่เดิม วัดดัง ชัยนาท วัดนี้เคยเป็นวัดร้าง สมัยอยุธยา มีชื่อแต่เดิมว่า วัดเกสร ถูกก่อตั้งขึ้นมาโดย พระอธิการคล้อย ธมฺมนิยํ รวมถึงชาวบ้านหนองแค โดยในภายหลัง พระอธิการคล้อย

วัดวารีบรรพต หรือ วัดบางนอน นั้นเป็นวัดที่ตั้งอยู่บนเนินเขา ถูกล้อมรอบไปด้วยภูเขา สำหรับวัดแห่งนี้ถูกสร้างโดยหลวงพ่อด่วน ถามวโร ซึ่งท่านเป็นพระธุดงค์ที่เดินทางมาจากจังหวัดสงขลา อีกทั้งท่านยังเป็นพระเกจิอาจารย์ด้านวิปัสสนา เพราะฉะนั้นเรียกว่าวัดแห่งนี้เป็นหนึ่งใน วัดดัง ระนอง ที่วันนี้เราจะพาทุกท่านไปทำความรู้จักและชมความสวยงามของ วัดบางนอน แห่งนี้กันครับ วัดวารีบรรพต จังหวัดระนอง วัดวารีบรรพด เป็นวัดราษฎร์ ตั้งอยู่ในเขตเทศบาลตำบลบางนอน บ้านบางนอน ถนนเพชรเกษม หมู่ที่ 1 ตำบลบางนอน อำเภอเมืองระนอง จังหวัดระนอง สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย ภายในวัดมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์สำคัญคือ พระพุทธไสยาสน์ หลวงปู่ทวดและรอยพระพุทธบาท ซึ่งจะมีงานเทศกาลประจำปีในวันที่ 11 เมษายน ของทุกปี จะมีประชาชนทั้งไกลและใกล้เดินทางมาปิดทองหลวงปู่ทวดกันไม่ขาดสาย ประวัติความเป็นมาของวัด วัดวารีบรรพด สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2502 สร้างขึ้นโดยเหตุที่มีพระธุดงค์คือ พระด่วน ถามวโร (พระครูประภัสรวิริยคุณ) ได้จาริกมาจากจังหวัดสงขลา มาปักกลดอยู่บริเวณที่ตั้งนี้ซึ่งแต่เดิมเป็นที่ป่าช้า ชาวบ้านเกิดความเลื่อมใสนิมนต์ให้อยู่จำพรรษา ต่อมานายไป๋ จุลเขตต์ ได้ติดต่อขอที่ดินจากทางราชการและดำเนินการสร้างวัด โดยได้รับอนุญาตให้สร้างวัดเมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2514 กระทรวงศึกษาธิการประกาศตั้งเป็นวัดเมื่อวันที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2515 ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อวันที่ 16

วันหยุดว่าง ๆ หากใครกำลังมาหาที่สงบจิต สงบใจ ฝึกวิปัสสนากรรมฐาน วัดป่าภูริทัตตถิราวาส หรือ วัดป่าหนองผือ จังหวัดสกลนคร ตามรอยธรรม ”หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต” บุคคลสำคัญของโลก สาขาสันติภาพ จาก UNESCO พร้อมกับศึกษาปริศนาธรรมจากจารึกบนแผ่นหินที่เป็นลายมือหลักคำสอนขององค์หลวงปู่มั่น เราขอแนะนำ วัดป่าภูริทัตตถิราวาส อีกหนึ่ง วัดดังสกลนคร แห่งนี้เลยครับ วัดป่าหนองผือ จังหวัดสกลนคร วัดภูริทัตตถิราวาส มีสถานที่ตั้งอยู่ภายใน บ้านหนองผือ ต.นาใน อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร เดิมชื่อวัดสันติวนาราม หรือที่ชาวบ้านเรียกติดปากว่า “วัดป่าบ้านหนองผือ” ตามชื่อหมู่บ้านที่ตั้งวัด ประวัติความเป็นมาของวัด ตามประวัติแล้วนั้น วัดป่าบ้านหนองผือ สกลนคร แห่งนี้เป็นวัดที่หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ท่านได้มาอยู่จำพรรษา ถึง 5 พรรษา ด้วยกันครับ ซึ่งเป็นช่วงสุดท้ายแห่งการถ่ายทอดวัตรปฏิบัติ รวมถึงธรรมต่าง ๆ ให้แก่ลูกศิษย์ ลูกหาของท่าน ก่อนที่ท่านจะมรณภาพไป ครั้นเมื่อหลวงปู่มั่นมรณภาพแล้ว จึงได้มีการตั้งชื่อว่าใหม่ว่า “วัดป่าภูริทัตตถิราวาส” เพื่อเป็นสิริมงคลและระลึกถึงหลวงปู่มั่นเองครับ ความน่าสนใจภายในวัด กราบสักการะกุฏิหลวงปู่มั่น เป็นกุฏิไม้ ไม่อนุญาติให้ขึ้นไปนะครับ มองอยู่ด้านล่างก็เห็นชัดอยู่ครับ บริเวณใกล้กับกุฏิหลวงปู่มั่น จะมี ภูริถัตตจงกรม บริเวณที่หลวงปู่มั่นเดินจงกรม บริเวณนี้จะมีป้ายบอกห้ามเดินข้ามเป็นอันขาดเลยครับ พระมหาเจดีย์หลวงปู่มั่น

วัดท้องลับแล – “เมืองลับแล” นอกจากจะมีตำนานเกี่ยวกับเมืองแม่ม่ายอันแสนจะลึกลับแล้ว ในตอนนี้มีอีกหนึ่งความน่าพิศวงที่เพิ่งถูกค้นพบเมื่อไม่นานมานี้อยู่ด้วยครับ และความพิศวงดังกล่าวเกิดขึ้นที่ “วัด ท้องลับแล” ซึ่งตั้งอยู่ที่บ้านท้องลับแล ต.ฝายหลวง อ.ลับแล จ.อุตรดิตถ์ และถ้าอยากรู้ว่าคือเรื่องอะไรที่ทำให้ วัดดังอุตรดิตถ์ แห่งนี้ถึงได้น่าสนใจ ลองตามเราไปดูกันเลยดีกว่าครับ วัดท้องลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์ ประวัติความเป็นมาของวัด วัดทองลับแล แต่ในอดีตนั้น ชาวบ้านเรียกกันว่า “วัดลับแลง” โดยคำว่า “แลง” จะเป็นภาษาท้องถิ่น ซึ่งหมายความว่า “ตอนเย็น” วัดเมืองลับแลแห่งนี้ ถือได้ว่าเป็นที่มความวัดเก่าแก่โบราณอยู่พอสมควร แม้ว่าจะไม่พบหลักฐานที่ชัดเจนว่า ถูกสร้างขึ้นมาตั้งแต่ในสมัยใด หรือ พ.ศ. ไหนครับ แต่ยังมีหลักฐานสำคัญที่ระบุไว้ว่าใน พ.ศ. 2420 ได้มีการบูรณะวัดครั้งสำคัญเกิดขึ้น โดยครูอินโสม ซึ่งเป็นช่างจากบ้านท่าศาลา ได้ทำการรวบรวมเหล่าชาวบ้านบ้านท้องลับแล และพากันมาซ่อมแซมบูรณะวัด โดยที่การบูรณะครั้งนี้ได้มีการสร้างพระอุโบสถขึ้นมาใหม่ และในเวลาต่อมาก็ได้มีการเปลี่ยนชื่อวัดเป็น “วัด ท้องลับแล” มาจนถึงปัจจุบันนี้ ความน่าสนใจภายในวัด วัดแห่งนี้ได้เกิดปรากฏการณ์ที่แปลกประหลาดคือ “ภาพหัวกลับ” ขึ้นภายในโบสถ์ของวัด โดยมีผู้พบเห็นภาพหัวกลับนี้ ตั้งงแต่เมื่อช่วงกลางปี พ.ศ. 2554 ซึ่งนายรัศมี เสือน้อย ซึ่งเป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน บ้านฝายหลวงลับแล ได้เล่าให้ฟังว่า พระสมชาย