Uncategorized

นอกจากตัวเมืองพิษณุโลกแล้ว บ้านมุงเนินมะปราง ก็เป็นอีกหนึ่งจุดหมายในจังหวัดพิษณุโลกที่มีความน่าสนใจ แม้จะมีพื้นที่ไม่กว้างขวางนัก แต่กลับเต็มไปด้วยธรรมชาติที่สวยงามและแปลกตา น่าไปสัมผัสอย่างยิ่ง วันนี้เราจึงขอนำเสนอ 9 สถานที่ท่องเที่ยวในเนินมะปราง ที่จะทำให้ทุกคนได้เพลิดเพลินกับการใช้ชีวิตแบบสโลว์ไลฟ์ ชมวิวภูเขาหินปูนที่งดงาม และถ่ายภาพกับทุ่งดอกไม้และท้องนาสีเขียวที่สวยงามกัน บ้านมุงเนินมะปราง จังหวัดพิษณุโลก ประวัติและความเป็นมา เนินมะปราง นั้นเป็นอำเภอเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่ภายในจังหวัดพิษณุโลก โดยมีเนื้อที่ทั้งหมด 1,029 ตารางกิโลเมตร แต่เดิมเป็นพื้นที่ของป่าดงดิบ ซึ่งจะมีเพียงธรรมชาติ สัตว์ป่า และภูเขาหินปูนสูงใหญ่อายุกว่า 300 ล้านปี แต่ไม่มีคนอยู่อาศัย จะมีเพียงแค่นายพรานที่เข้ามาล่าสัตว์และเดินป่าเท่านั้้นครับ ต่อมาก็ได้มีผู้คนอพยพเดินทางมาอาศัยอยู่ตามพื้นที่ต่าง ๆ ภายในอำเภอเนินมะปราง จนกระทั่งเกิดเป็นชุมชนมากมายที่มีผู้คนมาอยู่อาศัย โดยทำมาหากินด้วยการเกษตรเป็นหลัก ด้วยทิวทัศน์ที่งดงามของภูเขาหินปูนขนาดใหญ่ ซึ่งถือเป็นจุดเด่นของอำเภอเนินมะปราง ทำให้พื้นที่นี้เริ่มมีการพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติที่น่าสนใจในจังหวัดพิษณุโลก ภายในหมู่บ้านมีโฮมสเตย์ให้บริการนักท่องเที่ยว รวมถึงร้านค้า ร้านอาหาร และบ้านเรือนของชาวบ้านที่ยังคงรักษาเสน่ห์ของวิถีชีวิตที่เรียบง่ายและเงียบสงบไว้อย่างดี นอกจากนี้ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สวยงาม ซึ่งจะทำให้ทุกคนต้องประทับใจกับทัศนียภาพอันน่าหลงใหลของอำเภอเล็กๆ แห่งนี้ เปิดพิกัด 5 ที่เที่ยวเนินมะปราง จุดชมวิวเนินมะปราง จุดชมวิวเนินมะปราง ถือว่าเป็นหนึ่งในจุดชมวิวที่มีความงดงามที่สุดในอำเภอเนินมะปราง เลยก็ว่าได้ โดยที่นี่จะตั้งอยู่ที่บ้านสวนชมวิวโฮมสเตย์ในหมู่บ้านเผ่าไทย จากจุดชมวิวบนต้นไม้ เราสามารถมองเห็นการเชื่อมต่อของ 5 […]

หากคุณกำลังมองหาสถานที่ท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ แต่ไม่ต้องการเดินทางไกล วันนี้เราขอแนะนำ “หมู่บ้านมอญห้วยน้ำใส” ซึ่งตั้งอยู่ในอำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี หมู่บ้านนี้ยังคงรักษาเสน่ห์และความงดงามไว้ได้อย่างครบถ้วน คล้ายกับแม่กำปองในจังหวัดเชียงใหม่ จนได้รับฉายา “แม่กำปอง 2” ที่นี่เหมาะสำหรับการพักผ่อนและสัมผัสธรรมชาติ หากใครสนใจอยากลองไป ที่เที่ยวราชบุรี แห่งนี้ ลองมาดูรายละเอียดเพิ่มเติมกันได้เลยครับ หมู่บ้านมอญห้วยน้ำใส สวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี บ้านมอญห้วยน้ำใส ตั้งอยู่ที่ไหน บ้านมอญห้วยน้ำใส ตั้งอยู่ในหมู่ที่ 3 ตำบลสวนผึ้ง อำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี เป็นสถานที่ที่มีความงดงามและเงียบสงบ พร้อมกับวิถีชีวิตของชุมชนชาวบ้านที่น่าหลงใหล ทำให้ที่นี่ได้รับฉายาว่า “แม่กำปอง 2” บ้านมอญห้วยน้ำใสเป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่สุดท้ายของชายแดนตะวันตกในอำเภอสวนผึ้ง โดยมีวัฒนธรรมไทย-มอญที่ผสมผสานกันอย่างลงตัว ซึ่งเป็นเสน่ห์ที่ดึงดูดให้ผู้คนอยากมาสัมผัสและพิสูจน์ความจริงของที่นี่ด้วยตนเอง เมื่อได้มีโอกาสเดินสำรวจภายในบ้านมอญห้วยน้ำใส สิ่งแรกที่สัมผัสได้คือบรรยากาศของบ้านเรือนและชาวบ้านที่มีน้ำใจ พร้อมมอบรอยยิ้มและเสียงทักทายอย่างอบอุ่น ซึ่งเป็นการต้อนรับที่นักท่องเที่ยวทุกคนจะได้รับเป็นอันดับแรก นอกจากนี้ วิวทิวทัศน์ที่ล้อมรอบหมู่บ้านยังเป็นอีกหนึ่งเสน่ห์ที่ไม่ควรมองข้าม โดยมีป่าไม้สูงใหญ่ ภูเขา และลำธารที่ไหลผ่าน ทำให้บรรยากาศที่นี่มีความน่าสนใจและน่าหลงใหลยิ่งขึ้น เหมือนกับเสียงดนตรีที่ขับกล่อมให้ผู้มาเยือนรู้สึกผ่อนคลายและมีความสุข บ้านมอญห้วยน้ำใส มีอะไรให้ทำบ้าง กิจกรรมที่น่าสนใจที่สุดเมื่อมาเยือนที่นี่คือการตักบาตรของชาวมอญ ซึ่งจะเริ่มต้นประมาณเวลา 08.00 น. โดยจะมีการปูเสื่อตามแนวทางเดินที่ทำจากไม้ไผ่

เมื่อเอ่ยถึง “เขาพระวิหาร” หลายคนคงคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี แต่ถ้าพูดถึง “ผามออีแดง” อาจจะมีคนไม่ค่อยรู้จักนัก ที่นี่เป็นจุดชมวิวที่มีชื่อเสียงและดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกสารทิศ ด้วยเสน่ห์ที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นความงดงามของธรรมชาติ คุณค่าทางประวัติศาสตร์ และบรรยากาศที่ไม่เหมือนใคร สำหรับใครสนใจอยากลองไป ที่เที่ยวศรีสะเกษ แห่งนี้ ตามเราไปดูกันเลย ผามออีแดง จังหวัดศรีสะเกษ “ผา-มออีแดง” ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร ตำบลเสาธงชัย อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ เป็นสถานที่ที่หลายคนมักมองข้าม แม้จะมีทิวทัศน์ที่สวยงามและมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ โดยเฉพาะภาพหินแกะสลักที่มีอายุนับพันปีซ่อนอยู่ที่นี่ ที่ผา-มออีแดง มีเรื่องเล่าขานกันว่า มีครูหญิงชื่อแดงนั่งอยู่ด้านหน้ารถคู่กับคนขับ เมื่อมาถึงบริเวณหน้าผา รถเกิดเสียหลัก ครูแดงตกใจและกระโดดลงจากรถ แต่กลับถูกทับโดยรถ ครูแดงไม่ได้เสียชีวิตในทันที แต่ต้องทนทุกข์ทรมานจากบาดแผลอยู่นาน หลังจากที่ครูแดงเสียชีวิตไป มีผู้คนรายงานว่าเห็นวิญญาณของครูแดงมาหลอกหลอนที่บริเวณนี้ จึงทำให้ที่นี่ถูกเรียกว่า “ผา-มออีแดง” ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ผา-มออีแดงตั้งอยู่ห่างจากศูนย์บริการนักท่องเที่ยวประมาณ 200 เมตร เป็นหน้าผาหินสีแดงที่มีลักษณะเป็นแนวผาหักชันลงสู่เบื้องล่าง ซึ่งทำหน้าที่เป็นเส้นแบ่งเขตแดนระหว่างประเทศไทยและประเทศกัมพูชา แนวผานี้มีความยาวประมาณ 300 เมตร โดยพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นเนินราบที่มีความลาดชันไม่มากนัก นอกจากนี้ยังเป็นจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นทิวทัศน์กว้างไกล รวมถึงปราสาทเขาพระวิหารที่อยู่ห่างออกไปประมาณ 1 กิโลเมตรได้อย่างชัดเจน เบื้องล่างสามารถมองเห็นทิวเขาและป่าที่กว้างใหญ่ในเขตประเทศกัมพูชา ซึ่งเรียกว่าเขมรต่ำ ถึงแม้ว่าจะมีรั้วและแนวหินกั้นอยู่ที่ขอบหน้าผา

วัดวังคำ ที่อยู่ภายใน จังหวัดกาฬสินธุ์ นั้นเป็นวัดไทยที่ได้จำลองแบบจาก วัดเชียงทอง ที่อยู่ภายในหลวงพระบาง ของเพื่อนบ้านอย่าง สปป.ลาว มาเป็นต้นแบบครับ ซึ่งมีความ Unseen แบบสุด ๆ และยังสวยงามมาก ๆ อีกด้วย เพราะถึงแม้ว่า กาฬสินธุ์ อาจจะถูกจัดให้เป็นแค่เพียง เมืองรอง แต่ทว่าสถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดกาฬสินธุ์ก็สวยไม่แพ้จังหวัดอื่น ๆ เลยครับ เพราะฉะนั้นสายบุญทั้งหลายต้องไม่พลาดแวะไปเที่ยวไหว้พระ วัดสวยกาฬสินธุ์ แห่งนี้กันแล้วครับ วัดวังคำ จังหวัดกาฬสินธุ์ ประวัติความเป็นมา วัด-วังคำ ตั้งอยู่ที่บ้านนาทวี ตำบลสงเปลือย อำเภอเขาวง จังหวัดกาฬสินธุ์ เป็นวัดไทยแห่งเดียวในจังหวัดที่มีสถาปัตยกรรมแบบล้านช้าง ชุมชนบ้านนาทวีเป็นชุมชนของชาวภูไทที่อาศัยอยู่ทั้งในประเทศไทยและ สปป.ลาว ด้วยเหตุนี้ ศิลปะล้านช้างที่สวยงามในภาคอีสานจึงทำหน้าที่เป็นสื่อกลางที่เชื่อมโยงวิถีชีวิตของชาวภูไทและชุมชนเข้าด้วยกันอย่างกลมกลืนมากครับ ท่านเจ้าอาวาสได้ทำการเลือก “วัดเชียงทอง” ซึ่งเป็นมรดกโลกที่สวยงามของ สปป.ลาว มาเป็นต้นแบบในการสร้างวัดนี้ นอกจากนี้ วัดเชียงทองยังได้รับการยกย่องว่าเป็นสุดยอดแห่งสถาปัตยกรรมล้านช้างที่มีความงดงามที่สุดในประเทศลาวอีกด้วย สำหรับกิมมิกเล็ก ๆ ของวัดที่สวยงามในเมืองกาฬสินธุ์แห่งนี้ คือ ก่อนที่จะเข้าวัด ทุกคนจะต้องสวมชุดชาวภูไท หากใครไม่มีชุดก็ไม่ต้องกังวล เพราะทางวัดได้จัดเตรียมไว้ให้แล้วครับ ความ่าสนใจของวัด โบสถ์วัด-วังคำ ความโดดเด่นของวัดนี้อยู่ที่โบสถ์หรือสิม ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากวัดเชียงทองในหลวงพระบาง สปป.ลาว โดยมีการสร้างในรูปแบบที่ย่อส่วนลงมาเล็กน้อย เมื่อมองจากภายนอกจะเห็นความคล้ายคลึงกับวัดเชียงทองอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นหลังคาโบสถ์ทรงปีกนกที่ซ้อนกัน

วันนี้เราจะพาไปเช็ก ดวงรายวันพุธนี้ 13 พฤศจิกายน 2567 ตามวันเกิดของตัวเอง ดวงในแต่ละด้านจะเป็นอย่างไร และจะเสริมโชคลาภให้กับตัวเองได้อย่างไร? หากคุณต้องการคำตอบ ลองติดตามเราไปดู ดวงประจำวันเกิด กันเลยครับ ดวงรายวันพุธนี้ 13 พ.ย. 67 สำหรับท่านที่เกิดวันอาทิตย์ ตัวช่วยเสริมดวง สำหรับท่านที่เกิดวันจันทร์ ตัวช่วยเสริมดวง สำหรับท่านที่เกิดวันอังคาร ตัวช่วยเสริมดวง สำหรับท่านที่เกิดวันพุธ ตัวช่วยเสริมดวง สำหรับท่านที่เกิดวันพฤหัสบดี ตัวช่วยเสริมดวง สำหรับท่านที่เกิดวันศุกร์ ตัวช่วยเสริมดวง สำหรับท่านที่เกิดวันเสาร์ ตัวช่วยเสริมดวง ใครที่ได้ ดวงรายวันพุธนี้ วันที่ 13 พฤศจิกายน 2567 ตามวันเกิดของคนทั้ง 7 วัน คงจะทราบกันไปแล้วว่า ดวงในวันนี้ตามวันเกิดของตัวเองเป็นอย่างไร การดูดวงเป็นเรื่องของความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญานในการตัดสินใจด้วยนะครับ สำหรับวันนี้ เว็บหวยสด ต้องขอตัวลาไปก่อน กลับมาพบกันใหม่อีกครั้งในบทความหน้า สวัสดีครับ

สายบุญคนไหนที่กำลังหาที่เงียบสงบเพื่อใช้ในการพักผ่อนทางใจ เราขอแนะนำให้ลองมาที่ วัดป่าสุมธาวาท ซึ่งตั้งอยู่ภายใน จังหวัดสกลนคร ที่นี่ไม่เพียงแต่มีความเงียบสงบและเป็นแหล่งพักพิงทางใจของชาวสกลนครด้วยครับ อีกทั้งยังเป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยธรรมชาติที่มีความงดงาม รวมถึงสถาปัตยกรรมที่ดูขลัง ใครมีโอกาสมาเยือนสกลนคร อย่าลืมแวะไหว้พระและสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ วัดสวยสกลนคร แห่งนี้ ซึ่งเป็นการเติมเต็มความสงบให้กับจิตใจและจิตวิญญาณของเรา วัดป่าสุมธาวาท จังหวัดสกลนคร ประวัติความเป็นมา วัดป่าสุทธาวาส ตั้งอยู่ที่ตำบลธาตุเชิงชุม อำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร ใกล้กับเทือกเขาภูพาน ซึ่งในอดีตพื้นที่นี้เคยมีชื่อว่า “ดงบาก” ตั้งอยู่ทางใต้ของตลาดเมืองสกลนคร หรือทิศใต้ของบึงหนองหาร วัดนี้เมื่อประมาณ 30 ปีที่แล้วยังคงตั้งอยู่ท่ามกลางป่าทึบ แต่ในปัจจุบันได้กลายเป็นวัดที่ตั้งอยู่กลางหมู่บ้าน และกลายเป็นแหล่งพักพิงทางใจที่สำคัญของชาวบ้านในพื้นที่นี้ ตามประวัติของวัดป่าสุทธาวาส วัดนี้ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2479 โดยหลวงปู่เสาร์ กันตสีโล ซึ่งเป็นผู้ที่เดินทางธุดงค์มาพักที่นี่เป็นองค์แรก ต่อมา ขุนอุพัทธ์ระบิล (เพชร ภูลวรรณ) จ่าศาลคนแรกของจังหวัดสกลนคร ได้บริจาคที่ดินเพื่อสร้างกุฏิเป็นที่พักสงฆ์ ทำให้วัดนี้เริ่มมีการพัฒนาและขยายตัว นอกจากนี้ยังมีผู้มีจิตศรัทธาบริจาคที่ดินเพิ่มเติม รวมเป็นพื้นที่ทั้งหมดกว่า 27 ไร่ จนกระทั่งได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2492 ความน่าสนใจภายในวัด วัดป่าแห่งนี้มีไฮไลท์ที่น่าสนใจอยู่ด้วยกันหลายจุด

วันนี้เราจะพาทุกคนมาเที่ยวลงใต้ ไหว้พระกันที่ วัดช้างให้ หรือ วัดราษฎร์บูรณาราม ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในวัดสวยของปัตตานีที่มีอายุเก่าแก่กว่า 300 ปี และยังถือว่าเป็นสถานี่ศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นเหมือนศูนย์รวมจิตใจของชาวใต้ หากใครที่มีแพลนลงใต้แนะนำนำว่ามากันที่ วัดสวยปัตานี ได้เลย และไม่ว่าใครที่มายังจังหวัดนี้แล้วต่างต้องแวะมาเที่ยวชมความสวยงาม และกราบสักการะหลวงปู่ทวด องค์จำลอง ขอพรกับท่าน วัดช้างให้ จังหวัดปัตตานี วัดราษฎร์บูรณาราม แต่เดิมชื่อ วัด ช้างให้ ตั้งอยู่ที่ อำเภอโคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานี แต่ชาวบ้านในพื้นที่นั้นนิยมเรียกว่าวัดแห่งนี้เป็นชื่อเดิม โดยวัดแห่งนี้นั้นเป็นวัดเก่าแก่อีกแห่งของจังหวัดปัตตานี ที่มีอายุมากกว่า 300 ปี และนอกจากนี้ภายในวัดยังเป็นที่ประดิษฐาน หลวงปู่ทวด องค์จำลองเท่าองค์จริง ซึ่งมีผู้คนนิยมมากราบไหว้สักการะ และยังมี อ่างน้ำมนต์ขนาดใหญ่ ที่ให้ผู้คนสามารถปะพรมน้ำมนต์เพื่อเป็นการความเป็นสิริมงคล  ประวัติความเป็นมา มีตำนานเล่าต่อกันมาว่า พระยาแก้มดำ ซึ่งเป็นเจ้าเมืองไทรบุรี มีควาดคิดที่จะสร้างเมืองใหม่ โดยได้อธิษฐานปล่อยช้างให้ออกเดินทางไปในป่า โดยมีเจ้าเมืองและไพร่พลเดินติดตามไปด้วย เมื่อช้างหยุดอยู่ ณ ที่แห่งไหน แล้วร้องขึ้น 3 ครั้ง จะเลือกสร้างเมืองใหม่ ณ ที่ตรงนั้น แต่น้องสาวไม่ชอบ พระยาแก้มคำจึงให้สร้างวัด ณ บริเวณดังกล่าวแทน แล้วให้ชื่อว่า “วัด ช้างให้” ความน่าสนใจภายในวัด พระธาตุเจดีย์ ซึ่งต้องบอกเลยว่าความโดดเด่นของวัดนี้ ที่ทำให้นักท่องเที่ยวนิยมมาไหว้พระและชมความสวยงาม ณ วัดแห่งนี้

วัดสักกะวัน กาฬสินธ์ เป็นวัดที่มีชื่อเสียงในด้านความสงบและความสวยงามของบรรยากาศ ซึ่งเหมาะแก่การเดินทางมาทำบุญเพื่อเสริมสร้างความเป็นสิริมงคลให้กับชีวิต ภายในวัดมีทั้งวิหารและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่น่าไหว้ สักการะ ขอพร อยู่เป็นจำนวนมากครับ หากใครที่กำลังมองหาสถานที่ท่องเที่ยวที่มีทั้งความสงบ ทางจิตใจ วัดแห่งนี้ นับเป็นตัวเลือกที่ดีในการเดินทางไปเยือน และนอกจากนี้ยังเป็นจุดค้นพบโครงกระดูกไดโนเสาร์ อีกด้วย ซึ่งใครที่อยากรู้ว่า วัดสวยกาฬสินธุ์ แห่งนี้จะมีความน่าสนใจและสวยงามมากขนาดไหน ลองตามเราไปดูกันเลย วัดสักกะวัน จังหวัดกาฬสินธุ์ ประวัติความเป็นมา วัดสักกวัน เป็นอีกหนึ่งวัดของ กาฬสินธุ์ ที่มีประวัติมายาวนาน ถึงแม้จะไม่สามารถระบุวันก่อตั้งได้อย่างชัดเจน แต่ก็ถือเป็นสถานที่ที่ได้รับความนิยมจากชาวบ้านในพื้นที่และนักท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง มีการพัฒนาและปรับปรุงวัดอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งสามารถเห็นได้จากการบูรณะพระอุโบสถและการสร้างสิ่งก่อสร้างใหม่ เช่น ศาลาการเปรียญและวิหารต่าง ๆ ภายในวัด นอกจากนี้ยังมีพระพุทธรูปที่สำคัญ ซึ่งเป็นที่เคารพนับถือของชาวบ้านและผู้มาเยือน โดยเฉพาะพระพุทธรูปองค์ใหญ่ที่ตั้งอยู่ในพระวิหาร ทำให้วัดแห่งนี้เป็นศูนย์กลางในการประกอบพิธีกรรมทางศาสนา เช่น การทำบุญ การถวายสังฆทาน การสวดมนต์ และการปฏิบัติธรรมต่าง ๆ นอกจากการที่นี่จะเป็นสถานที่ทำบุญแล้ว ยังถือว่าเป็นวัดที่มีชื่อเสียงในด้านความเงียบสงบ ที่มาพร้อมกับบรรยากาศสุดร่มรื่นอีกด้วยครับ เรียกว่าเหมาะสำหรับการเดินทางมาทำสมาธิและการพักผ่อนทางจิตใจมาก ๆ และที่สำคัญ ก็คือ วัดนี้ยังมีการขุดค้นพบซากกระดูกของไดโนเสาร์ (ฟอสซิล) ด้วยกันหลากหลายสายพันธุ์ แยกง่าย ๆ

วันนี้เราจะพาไปสำรวจอีกหนึ่งวัดที่สวยงามในจังหวัดกาฬสินธุ์ ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจในภาคอีสาน วัดนี้มีชื่อว่า วัดพุทธนิมิต ตั้งอยู่บนยอดเขาที่เรียกว่า ภูค่าว ที่นี่มีพระนอนแกะสลักที่มีความแปลกตาแต่สวยงามมาก บอกได้เลยว่าไม่ว่าจะเป็นนักท่องเที่ยวหรือผู้ที่ชื่นชอบการทำบุญ ต่างก็ต้องประทับใจกับความงดงามของ วัดสวยกาฬสินธุ์ แห่งนี้อย่างแน่นอนครับ วัดพุทธนิมิต จังหวัดกาฬสินธุ์ ประวัติความเป็นมา วัดพุทธนิมิท หรือ ภูค่าว แห่งนี้ เป็นวัดราษฎร์สังกัดคณะสงฆ์ฝ่ายธรรมยุติกนิกาย มีสถานที่ตั้งอยู่บนยอดของภูค่าว ใน ตำบลสหัสขันธ์ อำเภอสหัสขันธ์ จังหวัดกาฬสินธุ์ ซึ่งวัดนี้จะอยู่ห่างจากตัวอำเภอสหัสขันธ์ ไปประมาณ 7 กิโลเมตร และอยู่ห่างจากภูสิงห์ประมาณ 4 กิโลเมตรครับ ความน่าสนใจภายในวัด พระพุทธไสยาสน์ ไฮไลท์ที่น่าสนใจของวัดนี้คือ พระพุทธไสยาสน์ที่นอนตะแคง ซึ่งมีความยาวกว่า 2 เมตร และถูกแกะสลักบนแผ่นหินตั้งแต่ประมาณปี พ.ศ. 8 ทำให้มีอายุมากกว่า 1,000 ปีเลยทีเดียว นอกจากนี้ยังมีเรื่องเล่าที่บอกว่า วันหนึ่งกลุ่มคนได้เดินทางไปสร้างพระธาตุพนม แต่ไม่ทันเวลาเพราะพระธาตุพนมสร้างเสร็จแล้ว กลุ่มคนเหล่านั้นจึงได้ร่วมกันสร้างพระพุทธไสยาสน์นี้ขึ้นมาแทนครับ ในปี พ.ศ. 2484 พระคุณเจ้าสมเด็จพระมหาวีระวงศ์ ได้เดินทางไปตรวจสอบสังฆมณฑลภาคอีสาน และได้แวะจำวัดที่เมืองสหัสขันธ์ ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากภูค่าวประมาณ 8 กิโลเมตร ในโอกาสนั้น

น้ำตกไดช่องถ่อง เป็นอีกหนึ่งพิกัด ที่เที่ยวหน้าฝน ที่ยิ่งมีฝนตกมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งสวยมากขึ้นเท่านั้น ของ จังหวัดกาญจนบุรี ขอเน้นเลยว่า ห้ามพลาด กับน้ำตก ที่มีชื่อว่า น้ำตกไดช่องถอง สังขละบุรี ซึ่งอยู่ภายใน อุทยานฯ เขาแหลม ครับ ใครที่เป็นสายลุย ชอบเที่ยวป่า ชมน้ำตก แล้วไปนอนแช่น้ำเล่น ต้องถูกใจที่นี่อย่างแน่นอนครับ ก่อนจะผ่านพ้นหน้าฝนนี้ไป ก็ต้องมา ที่เที่ยวกาญจบุรี แห่งนี้กันเลยครับ น้ำตกไดช่องถ่อง จังหวัดกาญจนบุรี น้ำตกไดช่องถอง ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติเขาแหลม ตำบลปรังเผล อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี เป็นน้ำตกหินปูนขนาดกลางที่มีลักษณะคล้ายกับน้ำตกเกริงกระเวีย แต่มีขนาดและความสูงที่มากกว่า สายน้ำไหลลงมาอย่างชัน และบริเวณรอบ ๆ น้ำตกมีความร่มรื่นจากต้นไม้ที่ขึ้นหนาแน่น ทำให้ที่นี่เป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับการพักผ่อน เล่นน้ำ และสัมผัสกับธรรมชาติอย่างเต็มที่ หากใครต้องการสัมผัสกับความงดงามของน้ำตกและธรรมชาติที่หาชมได้ยาก ขอแนะนำให้มาในช่วงฤดูฝนเท่านั้น เนื่องจากในฤดูแล้งน้ำจะมีปริมาณน้อย และมีจุดที่น้ำมุดหลายจุด ทำให้ไม่สามารถไหลลงมาถึงน้ำตกชั้นนี้ได้ ซึ่งอาจทำให้พลาดโอกาสในการเห็นความสวยงามที่แท้จริงของน้ำตกแห่งนี้ไปเลยครับ สำหรับผู้ที่ต้องการพักค้างแรมใกล้น้ำตกนี้ อุทยานฯ เขาแหลมมีบ้านพักให้บริการถึง 6 หลัง และยังมีพื้นที่สำหรับกางเต็นท์อีกด้วย นอกจากนี้ยังมีบ้านพักริมเขื่อนที่มีวิวสวยและบรรยากาศที่น่าประทับใจ เราสามารถติดต่อเพื่อจองบ้านพักได้ทันที แต่แนะนำให้ทำการจองล่วงหน้า เนื่องจากหากไปจองในวันนั้น อาจจะไม่มีที่ว่างให้บริการก็เป็นได้