Uncategorized

ใครที่วันหยุดเสาร์-อาทิตย์ ไม่อยากไปไหนไกล วันนี้เราไปไหว้พระที่ ฝั่งพระนคร ซึ่งเป็นวัดประจำรัชกาลที่ 4 ที่มีชื่อว่า วัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร ซึ่งเป็นหนึ่งในพิกัดเที่ยว กรุงเทพ ที่น่าสนใจไม่น้อยเลยครับ ซึ่งที่นี่เป็นวัดหลวงที่มีความสวยงดงาม และทรงคุณค่าอย่างมากจริงๆ ใครไม่รู้จะไปเที่ยวไหนในวันหยุดนี้ ก็มาเยือน วัดสวยกรุงเทพ แห่งนี้กันได้เลยครับ วัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร ประวัติความเป็นมาของวัด วัดราชประดิษฐสถิต มหาสีมารามราชวรวิหาร หรือที่เรียกกันสั้นๆ ว่า วัดราชประดิษฐ์ (วัดประจำรัชกาลที่ 4 ) นั่นเองครับ วัดนี้เป็นอารามหลวงชั้นเอกชนิดราชวรวิหาร มีสถานที่ตั้งอยู่ภายใน ถนนสราญรมย์ แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพฯ นี่เองครับ โดยสมัยก่อนที่นี่จะเป็นสวนกาแฟ และเป็นพระอารามหลวงที่ในหลวงรัชกาลที่ 4 พระองค์ทรงโปรดฯ ให้ทำการสร้างขึ้นเพื่อเป็นพระอารามหลวงของพระมหากษัตริย์ตามโบราณราชประเพณีนั่นเองครับ โดยมาจากราชประเพณีที่ว่าบนผืนแผ่นดินไทยเมืองหลวง นั้นจะต้องมีวัดสำคัญประจำอยู่ด้วยกัน 3 ซึ่งก็คือ วัดมหาธาตุ วัดราชบูรณะ และ วัดราชประดิษฐ์ แห่งนี้ครับ โดยทั้งหมดก็สร้างขึ้นเพื่อถวายแด่พระสงฆ์คณะธรรมยุติกนิกายโดยเฉพาะเลยครับ และพระองค์ได้พระราชทานนามวัดนี้ว่า “วัดราชประดิษฐ์สถิตธรรมยุติการาม” วัดแรกของสงฆ์ธรรมยุตที่ถูกสร้างขึ้น โดยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดฯ นั่นเองครับ เนื่องจากวัดอื่น ๆ ที่อยู่ในสังกัดธรรมยุตนั้น จะเป็นวัดที่แปลงมาจากวัดของมหานิกาย วัดแห่งนี้จึงได้รับยกให้เป็นวัดประจำรัชกาลที่ 4 ครับ ความน่าสนใจภายในวัด ถึงแม้ว่า

ใครที่เดินทางมา ลพบุรี แล้วเกิดอยากเที่ยวไหว้พระ ทำบุญ แต่ยังไม่รู้ว่าจะไปวัดไหนดี เราขอแนะนำ วัดเขาพระงาม อีกหนึ่งในวัดขึ้นชื่อของจังหวัดนี้เลยครับ สำหรับคนที่ยังไม่เคยมาที่วัดนี้มาก่อน อาจสงสัยว่าที่วัดนี้มีอะไรที่น่าสนใจอยู่บ้าง และเพราะอะไรทำไมเราถึงได้แนะนำ วัดสวยลพบุรี แห่งนี้ ถ้าอยากรู้ลองตามเราไปดูกันเลย วัดเขาพระงาม จังหวัดลพบุรี วัดสิริจันทรนิมิตรวรวิหาร หรือที่ชาวลพบุรีเรียกว่า “วัด เขาพระงาม” นั้นตั้งอยู่ภายในตำบลเขาพระงาม อำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี โดยจะมีพื้นที่ของวัดจำนวน 99 ไร่ วัดนี้ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อปี พ.ศ. 2466 และได้รับการสถาปนาขึ้นเป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดวรวิหาร เมื่อในปี พ.ศ 2499 ครับ ประวัติความเป็นมาของวัด วัดสิริจันทรนิมิตรวรวิหาร นั้นตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของเชิงเขาพระงาม ซึ่งในอดีตเรียกกันว่า “เขาบ่องาม” เนื่องจากสภาพที่ตั้งของวัดนั้นเป็นภูเขา อีกทั้งยังมีบ่อน้ำตามธรรมชาติที่มีลักษณะสวยงามปรากฏอยู่ด้วยครับ แต่เดิมในอดีตวัดเขาพระงาเคยเป็นวัดร้างมาก่อนครับ ส่วนรื่องการสร้างวัดนี้ขึ้นมาตั้งแต่เมื่อใดไม่มีหลักฐานปรากฏให้เห็นแบบชัดเจน แต่ทว่ามีหลักฐานทางโบราณสถานและโบราณวัตถุที่อยู่ภายในบริเวณวัดอยู่มากมาย อย่างเช่น ซากฐานพระสถูปเจดีย์เก่าบนยอดเขา หรือ ซากกำแพงเก่าที่ปรากฏให้เห็นตรงบริเวณเชิงเขา และ พระพุทธไสยาสน์ที่ได้ประดิษฐานอยู่ภายในถ้ำพญามังกร หรือ ถ้ำภัทราวุโธ ซึ่งถูกสร้างขึ้นด้วยศิลาแลงศิลปสมัยทวารวดี ที่มีความเจริญรุ่งเรืองในช่วงพุทธศตวรรษที่ 12 – 16

พุทธอุทยานวังน้ำเขียว หรือ คำชะโนด วังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา ถือว่าเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ที่เกิดขึ้นภายในอำเภอวังน้ำเขียว ซึ่งผู้คนจากทั่วทุกสารทิศนิยมมากราบไหว้บูชาขอพร พร้อมกับขอโชคลาภกันเป็นส่วนมาก สำหรับหากใครที่ไม่สามารถเดินทางไปยัง คำชะโนด จังหวัดอุดรธานี ได้นั้น ก็สามารถมา ที่เที่ยววังน้ำเขียว แห่งนี้แทนได้ครับ เพราะที่นี่เต็มเปี่ยมไปด้วยแรงและพลังแห่งความศรัทธาอย่างมากมายนั่นเอง คำชะโนด วังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา คำชะโนด ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่มีความเกี่ยวกันเรื่องความเชื่อเกี่ยวกับพญานาคของจังหวัดอุดรธานี ซึ่งถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่โด่งดังสำหรับนักท่องเที่ยวจากทั่วประเทศ แต่รู้หรือไม่ว่า คำชะโนดนั้น มีที่วังน้ำเขียว อยู่ด้วยครับ ประวัติความเป็นมาของวัด คำชะโนดวังน้ำเขียว มีสถานที่ตั้งอยู่ภายใน ต.ไทยสามัคคี อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา สำหรับการเดินทางเพื่อไปยังที่นี่ ใช้เวลาเพียงไม่นานมากจากกรุงเทพฯ ครับ ซึ่งนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จึงมักเลือกที่จะมาทำบุญและขอพรกันที่คำชะโนดแห่งนี้เป็นจำนวนมาก โดยภายในพุทธอุทยานแห่งนี้มีบรรยากาศร่มรื่นด้วยไม้ใหญ่นานาชนิด ที่ให้ความรู้สึกร่มเย็นอยู่ท่ามกลางป่าใหญ่ ซึ่งจะมีลักษณะคล้ายคลึงกับป่าคำชะโนด จังหวัดอุดรธานี เลยครับ อีกทั้งยังมีสถานที่หลายจุดเอาไว้รองรับนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก และมีจุดนั่งพักเป็นระยะ ๆ อยู่ด้วยครับ ความน่าสนใจภายในวัด เมื่อมาถึงคำชะโนดวังน้ำเขียว โคราช แห่งนี้กันแล้ว หลังจากจอดรถ จะเดินเข้าไปประมาณ 200 เมตร โดยระหว่างทางนั้นจะผ่านร้านค้า ที่ขายสินค้าชุมชนต่าง ๆ อยู่มากมายเลยครับ บรรยากาศบริเวณด้านหน้า ร่มรื่นสงบ สำหรับภายในคำชะโนด อำเภอวังน้ำเขียว แห่งนี้

ใครที่ได้มาเที่ยวสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี ห้ามพลาดมาเที่ยวไหว้พระ วัดวังก์วิเวการาม สักการะหลวงพ่ออุตตมะ ชม เจดีย์พุทธคยา ที่ได้จำลองแบบมาจากประเทศอินเดียเป็นอันขาดเชียวครับ เพราะที่วัดนี้มีทั้งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่น่าเคารพบูชา แถมบรรยากาศนั้นก็ยังดีอีกด้วย เรียกว่าเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์กของสังขละบุรี เลยทีเดียว ส่วนใครที่ยังไม่เคยมาที่นี่ วันนี้เราจะพาไปทำความรู้จักกับ วัดสวยกาญจบุรี แห่งนี้เองครับ วัดวังก์วิเวการาม ชม เจดีย์พุทธคยา กราบสังขารหลวงพ่ออุตตมะ ประวัติ วัดวังก์วิเวการาม วัดวังก์วิเวการาม (เก่า) หรือ วัดหลวงพ่ออุตตมะ เป็นวัดที่หลวงพ่ออุตตมะนั้น ได้ร่วมกันกับชาวบ้านที่อพยพและชาวกะเหรี่ยงและชาวมอญ ซึ่งได้ร่วมกันสร้างขึ้นในปี พ.ศ.2496 ที่ บ้านวังกะล่าง อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งอยู่ใกล้กับชายแดนไทยพม่า โดยเริ่มแรกนั้น วัดมีเพียงแค่กุฏิ ศาลา และสำนักสงฆ์เพียงเท่านั้น และในส่วนชื่อของ วัดหลวงพ่ออุตตมะ เป็นชื่อที่ชาวบ้านเรียกกันตั้งแต่ครั้งก่อนซึ่ง วัดวังก์วิเวการาม จะตั้งอยู่บนเนินสูง ที่เรียกว่า สามประสบ เป็นจุดที่แม่น้ำ 3 สาย ไหลมารวมกัน ต่อมาในปี พ.ศ. 2505 ได้รับอนุญาตจากกรมการศาสนาให้ขึ้นทะเบียนเป็น “วัดวังก์วิเวการาม” ตามชื่อของอำเภอเก่า ในตอนนั้น แต่ต่อมาถูกรวมเป็นกิ่งอำเภอ ก่อนที่จะเปลี่ยนเป็น

ที่เที่ยวตามรอย ตำนานพญานาค ที่เราจะพาไปกันวันนี้ก็คือ ถ้ำดินเพียง หรือ ถ้ำพญานาค ซึ่งอยู่ภายใน วัดถ้ำศรีมงคล จังหวัดหนองคาย ที่ได้มีการเล่าขานกันว่า ที่นี่เป็นเหมือนทางเข้าออกเมืองบาดาลของ พญานาค นั่นเองครับ ดังนั้นสายมูทั้งหลาย รวมถึงคนที่สนใจอย่าได้มัวรอช้ากันอยู่ ลองตามเราไปดู ที่เที่ยวหนองคาย แห่งนี้ กันเลยดีกว่าครับ  วัดถ้ำศรีมงคล เที่ยวถ้ำพญานาค จังหวัดหนองคาย ประวัติความเป็นมา วัดถ้ำศรีมงคล หรือที่เรียกว่า ถ้ำดินเพียง นั้นอยู่ที่บ้านดงต้อง ตำบลผาตั้ง อำเภอสังคม จังหวัดหนองคาย ซึ่งที่นี่ มีตำนานเรื่องเล่าถึง พญานาค จึงทำให้มีเหล่าสายมูจากทั่วประเทศ รวมถึงประเทศเพื่อนบ้าน ต่างพากันมาเพื่อสักการะกันเป็นจำนวนมาก ด้านในถ้ำนั้น จะมีความชื้นอยู่ตลอดเวลา รวมถึงมีลักษณะเป็นโพรงให้ได้เดินลอดผ่านเข้าไปได้ครับ สำหรับลักษณะของถ้ำแห่งนี้ จะคล้ายกับเมืองบาดาลของพญานาค ส่วนสำคัญก็คือยังมีจุดเชื่อมต่อกับลำน้ำโขงอยู่อีกด้วยครับ หลายคนคงสงสัยว่าทำไมถึงเรียกว่า “ถ้ำนาคา” สาเหตุก็คือภายในถ้ำนี้มีลักษณะแบบโพรงที่คล้ายรูอยู่เต็มไปหมด โดยที่แต่ละโพรงสามารถเชื่อมทะลุถึงกันได้ครับ ดังนั้นการเข้าไปชมภายในถ้ำจะมีทั้งการเดิน กึ่งคลาน ไปตามรูต่างๆ อีกทั้งรูยังมีขนาดใหญ่กว่าตัวคนแค่นิดเดียวอีกด้วย พอมองดูแล้วทำให้เรานึกไปถึง เวลาที่งูตัวใหญ่ ๆ เลื้อยไปมาภายในถ้ำแห่งนี้ ชาวบ้านจึงเชื่อกันว่าถ้ำแห่งนี้จะต้องเป็นที่อยู่และที่สัญจรของพญานาคอย่างแน่นอน ความน่าสนใจ ตำนานถ้ำดินเพียง ได้มีตำนานที่เล่าขานต่อ ๆ

ใครที่ไปเที่ยวภาคอีสาน แล้วกำลังมองหาที่เที่ยวบรรยากาศดี ๆ สามารถเดินเล่นได้แบบเพลิน ๆ บ้านท่าแร่ จังหวัดสกลนคร เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจเลยครับ ที่นี่เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ของชุมชนคาทอลิก ซึ่งเป็นอีกจุดหมายหนึ่งที่น่าปักหมุดไปมาก ๆ เพราะนอกจากเราจะได้ชมสถาปัตยกรรมที่สวยงามแล้ว ที่เที่ยวสกลนคร นี้ยังมีมุมถ่ายรูปสวย ๆ อยู่เยอะแยะเต็มไปหมดอีกด้วยครับ เพราะฉะนั้นเตรียมตัวกันให้พร้อมแล้วไปทำความรู้จักกับที่นี่กันเลยดีกว่า บ้านท่าแร่ สกลนคร ความเป็นมาของสถานที่ ถ้าพูดถึงหมู่บ้านที่มีประชากรนับถือศาสนาคริสต์มากที่สุดในประเทศไทย คงต้องยกให้กับ บ้านท่าแร จังหวัดสกลนคร อย่างแน่นอนครับ ส่วนความเป็นมาของชุมชนนี้ได้เกิดขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2427 โดยมี ชาวญวน และ ชาวไทยญ้อ ที่ได้อพยพมาจากประเทศเวียดนามเข้ามาตั้งรกรากอยู่ที่เมืองสกลนคร แต่เพราะตอนนั้นมีการกีดกันการนับถือศาสนาคริสต์โรมันคาทอลิกจากกลุ่มผู้ปกครองเมืองสกลนครในสมัยนั้น ทำให้ คุณพ่อโปรดม หรือ คุณพ่อซาเวียร์ เกโก บาทหลวงชาวฝรั่งเศส และครูทัน ซึ่งเป็นชาวเวียดนาม นั้นนำกลุ่มชาวคริสตังราวๆ 150 คน เปลี่ยนย้ายถิ่นฐานและไปตั้งอยู่ตรงชายฝั่งหนึ่งของ หนองหาร ซึ่งในสมัยนั้น พื้นดินส่วนใหญ่จะเป็นดินลูกรังที่เรียกว่า หินแฮ่ จึงกลายเป็นที่มาของชื่อชุมชน “ท่าแฮ่” และเพี้ยนเสียงจนกลายมาเป็น “ท่าแร่” จนถึงทุกวันนี้ครับ ความน่าสนใจ เนื่องจาก บ้านท่าแร นั้นเป็นหมู่บ้านที่ได้รวบรวมผู้คนจากหลายชนเผ่า อย่างเช่น เผ่าผู้ไทย ไทลาว ไทญ้อ และเวียดนาม จึงทำให้อาคารเรือนของ บ้านแร่ มีรูปแบบของอาคารบ้านเรือนที่แตกต่างกันออกไปตามแต่ละชนเผ่า โดยชาวไทยที่มีเชื้อสายเวียดนามทั่วไปก็จะอาศัยอยู่ในบ้านไม้เรือนแถวแบบชั้นเดียว ส่วนบรรดาคนที่มีฐานะนั้นก็จะสร้างเป็นตึกก่อด้วยอิฐฉาบปูน มีลวดลายที่สวยงามไปตามศิลปะแบบยุคโคโลเนียล ฝรั่งเศส-เวียดนาม ซึ่งบ้านเรือนทั้งหมดที่ปลูกสร้างนั้นจะถูกจัดวางในรูปแบบผังเมืองยุโรป คือการจัดผังเมืองเป็นแบบล็อคๆ มีความเป็นระเบียบเรียบร้อยครับ ใครที่ได้มาเยือน บ้านท่าแร จะได้เจอกับจุดถ่ายรูปสวยๆ เยอะมากๆ

วันนี้เราจะพาไปเที่ยวไหว้พระกันที่ เชียงคาน จังหวัดเลย กับวัดที่มีชื่อว่า วัดท่าแขก เพื่อไปนมัสการรูปเหมือนหุ่นขี้ผึ้ง หลวงปู่ชอบ ฐานสโม และรูปหล่อเหมือนบูรพาจารย์ พร้อมกับกราบสักการะพระพุทธรูปที่มีอายุยาวนานมากว่า 300 ปี และไปตื่นตาตื่นใจกับความมหัศจรรย์ และความสวยงามริมฝั่งแม่น้ำโขง กันที่ วัดสวยเชียงคาน แห่งนี้กันครับ ใครที่สนใจลองตามเราไปชมพร้อม ๆ กันได้เลย วัดท่าแขก เชียงคาน จังหวัดเลย ประวัติความเป็นมาของวัด วัดทาแขก เป็นวัดราษฎร์สังกัดคณะสงฆ์ฝ่ายธรรมยุติกนิกาย เป็นวัดเก่าแก่ที่มีมาตั้งแต่ในสมัยโบราณ วัดนี้ตั้งอยู่ติดกับริมฝั่งแม่น้ำโขง โดยจะอยู่ห่างจากแก่งคุดคู้แค่เพียง 2 กิโลเมตรเท่านั้นเองครับ ภายในวัดนั้นมีความเงียบสงบ และธรรมชาติที่ร่มรื่นเต็มไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่อยู่มากมาย ประกอบกับยังมีวิวทิวทัศน์ที่สวยงดงามของริมฝั่งแม่น้ำโขงเข้ามาด้วย ยิ่งทำให้วัดแห่งนี้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ที่มีความสำคัญ พร้อมกับมีความน่าสนใจอีกแห่งหนึ่งของเชียงคานเลยก็ว่าได้ ซึ่งมีพระอาจารย์สายกรรมฐานหลากองค์ที่เดินทางมาพำนักอยู่ที่นี่ วัดทาแขก นั้นมีการสันนิษฐานว่าสร้างขึ้นมาในรัชสมัย ‘สมเด็จพระนารายณ์มหาราช’ แห่งกรุงศรีอยุธยา อิงตามหลักฐานที่จารึกในประวัติศาสตร์ของทางวัด ผู้ที่ก่อสร้างก็คือ ‘ท้าวสุวรรณแผ้วพ่าย’ ซึ่งเป็นพระราชโอรสแห่งหลวงพระบางในอาณาจักรล้านช้างในยุคสมัยนั้นครับ ความน่าสนใจภายในวัด โบสถ์ของ “วัดสวยเชียงคาน” แห่งนี้ ต้องบอกว่ามีความสวยและงดงามมากๆ เนื่องจากเป็นศิลปะก่อสร้างแบบล้านนา จึงทำให้มีความอ่อนช้อย ภายในโบสถ์มีจิตรกรรมพุทธประวัติที่มีความวิจิตรงดงาม และบรรจงวาดของช่างเขียนภาพ ที่มีเอกลักษณ์เด่นชัดเจนอย่างมาก โดยพระพุทธรูปที่ตั้งประดิษฐานอยู่ภายในพระอุโบสถหลังนี้ มีความเก่าแก่มากกว่า 300 ปี

น้ำตกตาดโตน นั้นเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวของจังหวัดชัยภูมิ ซึ่งในจังหวัดนี้มีที่เที่ยวสวย ๆ อยู่เป็นจำนวนมากเลยครับ สำหรับน้ำตกสวย แห่งนี้ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติตาดโตน มีน้ำไหลผ่านตลอดทั้งปี โดยถ้าเป็นในช่วงฤดูฝนน้ำจะใสกว่าฤดูอื่น ๆ มากเลยครับ ทั้งยังมีลำธารร่มรื่นมีต้นไม้ใหญ่ตามริมฝั่ง และมีแอ่งน้ำให้เล่นเป็นจุด ๆ แต่ก็จะมีจุดที่ห้ามเล่นเพราะน้ำไหลแรง โดยจะมีรั้วกั้นและป้ายบอกชัดเจนอยู่ครับ ใครที่สนใจ ที่เที่ยวชัยภูมิ แห่งนี้ ลองตามเราไปดูกันได้เลย น้ำตกตาดโตน จังหวัดชัยภูมิ ความน่าสนใจ น้ำตกตาดโดน ถือว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของจังหวัดชัยภูมิอีกแห่งหนึ่งเลยครับ มีน้ำไหลตลอดปี โดยเฉพาะในฤดูฝนจะสวยงามมากเป็นพิเศษเลยครับ ด้านบนนั้นเป็นธารน้ำไหลผ่านลานหินสองฝั่งธารร่มรื่นด้วยต้นไม้ใหญ่ปกคลุมเต็มไปหมด ซึ่งเหมาะที่จะมานั่งพักผ่อนชิล ๆ ชมธรรมชาติและเล่นน้ำแบบสุด ๆ โดยทางด้านบนน้ำตกมีสภาพเป็นลานหินกว้างประมาณ 50 เมตร และยาวไปตามลำน้ำอีกประมาณ 300 เมตร จึงทำให้น้ำนั้นไหลลาดมาตามลานหิน โดยจะมีแอ่งน้ำที่สามารถเล่นน้ำได้เป็นจุดๆ และไหลลงมาตกยังที่หน้าผา น้ำตกตาดโดน ซึ่งจะมีความสูงประมาณ 6 เมตร และมีความกว้าง 50 เมตร เมื่อมาถึงบริเวณทางเข้าต้องเดินเท้าเข้าไปน้ำตกประมาณ 200 เมตร วิธีการเดินทาง เดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัว ออกจากตัวเมืองชัยภูมิ ใช้ทางหลวงหมายเลข 2159 จากนั้นให้แยกขวาเข้าทางหลวงหมายเลข

ที่เที่ยวแม่ฮ่องสอน วันนี้เราจะพาไปกัน มีน้ำตกสวยที่ขึ้นชื่อว่าสูงเป็นอันดับต้น ๆ ของเมืองไทย อีกทั้งยังสวยสุด ๆ ด้วยครับ น้ำตกนี้มีชื่อว่า น้ำตกแม่สุรินทร์ ที่ต้องยกให้เป็นที่เที่ยวธรรมชาติสวย ๆ ที่ต้องห้ามพลาดเลยเป็นอันขาด ใครที่รู้สึกสนใจ น้ำตกสวย แม่ฮ่องสอน แห่งนี้ สามารถตามเราไปดูกันเลย น้ำตกแม่สุรินทร์ จังหวัดแม่ฮ่องสอน น้ำตกแม่สุริน ถูกจัดให้เป็นน้ำตกที่มีความสูงในลำดับต้น ๆ ของเมืองไทยเลยครับ น้ำตกสวยนี้ มีสถานที่ตั้งอยู่ใน ตำบลแม่อูคอ อำเภอขุนยวม จังหวัดแม่ฮ่องสอน คาดว่าที่นี่น่าจะเป็นน้ำตกที่สูงที่สุดใน จังหวัดแม่ฮ่องสอน เลยครับ สำหรับต้นน้ำของน้ำตกนี้ เกิดมาจากลำห้วยแม่สุรินทร์ ที่ได้ไหลลงหน้าผาสูงชันมากกว่า 180 เมตรเลยทีเดียวครับ ส่วนรอบข้างก็จะล้อมรอบไปด้วยป่าเขาธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์สุด ๆ ครับ ความน่าสนใจ น้ำตกสวย เมืองไทย แห่งนี้ อยู่ภายใน อุทยานแห่งชาติน้ำตกแม่สุริน ซึ่งเป็นพื้นที่ของป่าเขาที่ได้เรียงรายสลับซับซ้อนกันไป โดยที่มี น้ำตกแม่สุริน นี้ ที่เป็นน้ำตกขนาดใหญ่อยู่ใกล้ ๆ กับ ทุ่งบัวตอง เรียกว่าเป็นที่เที่ยวยอดนิยมของบริเวณนี้เลยครับ โดยจะห่างกันประมาณ 9 กิโลเมตรเท่านั้นเอง อีกทั้งยังมี